ประเทศไทยกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมการแพทย์ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนที่มุ่งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพ (Wellness and Medical Hub) โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญ เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของโรคอุบัติใหม่ และการเติบโตของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งทำให้ความต้องการเทคโนโลยีและเครื่องมือการแพทย์ขั้นสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในฐานะ “ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม” กล่าวว่า NIA มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมของประเทศ โดยมุ่งขับเคลื่อน “Impact Tech” หรือนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนวัตกรรมการแพทย์ขั้นสูงคือหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับเป้าหมายของภาครัฐในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพ
ปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ไทยมีศักยภาพในการเป็น Medical Hub เช่น การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ที่เพิ่มความต้องการเครื่องมือแพทย์สำหรับการดูแลระยะยาว และการฟื้นฟูสมรรถภาพ การเพิ่มขึ้นของอัตราการเจ็บป่วยและโรคอุบัติใหม่ รวมถึงการขยายตัวของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งทำให้สถานพยาบาลในประเทศเร่งยกระดับเทคโนโลยีและเครื่องมือแพทย์เพื่อรองรับผู้ป่วยจากต่างประเทศ
“ต่างชาติมองประเทศไทยว่า นวดไทยดี อาหารไทยอร่อย แต่เรามีนวัตกรรมด้านอื่นด้วย เราอยากให้ต่างชาติมองไทยว่าเป็นประเทศที่มีการส่งเสริมนวัตกรรมทางการแพทย์ ซึ่ง Health and Wellness เป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่เราต้องการขับเคลื่อนประเทศให้เป็นชาตินวัตกรรม” ดร.กริชผกากล่าวระหว่างงานแถลงข่าวการจัดงาน “MEDICAL FAIR THAILAND 2025” ที่ประเทศไทย ในเดือนกันยายน 2568
งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 เป็นเวทีที่รวมผู้ให้บริการด้านสุขภาพ ผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ และนักนวัตกรรมจากกว่า 40 ประเทศ และเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอนวัตกรรม เชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตร และสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของนวัตกรรมและเทคโนโลยีการแพทย์ไทยอย่างยั่งยืน
Deep Tech ตัวขับเคลื่อนนวัตกรรมสู่ผู้นำระดับภูมิภาค

ดร.กริชผกา ชี้ให้เห็นถึงโอกาสของกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ไทยที่จะได้รับอานิสงส์จากการเป็นทั้งผู้ผลิตเพื่อใช้ในประเทศ และการสร้างแบรนด์นวัตกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ โดยหัวใจสำคัญคือการยกระดับขีดความสามารถด้าน เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ของไทยให้มีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการกำหนดมาตรฐานนวัตกรรมทางการแพทย์ระดับภูมิภาค เทคโนโลยีเหล่านี้ เช่น ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวินิจฉัย (AI Diagnostics), เทคโนโลยีจีโนมิกส์ (Genomics), หุ่นยนต์ทางการแพทย์ (Medical Robotics), และวัสดุทางชีวภาพขั้นสูง (Advanced Biomaterials) ล้วนมีอัตราการเติบโตสูงทั่วโลกและกำลังกลายเป็นข้อได้เปรียบเชิงโครงสร้างของประเทศที่สามารถพัฒนาได้เอง
“หากไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างต่อเนื่อง จะไม่เพียงช่วยลดการนำเข้า แต่ยังจะทำให้ผู้ประกอบการไทยมีบทบาทมากขึ้นในภูมิภาค เพราะไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีฐานบุคลากรทางการแพทย์ ระบบสุขภาพ องค์ความรู้ และการเข้าถึงกลุ่มประชากรที่หลากหลาย ทรัพยากรอันทรงพลังเหล่านี้จะทำให้อุตสาหกรรมการแพทย์เติบโตได้อีกด้วย” ดร.กริชผกา กล่าว
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุข โดยมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่น้อยกว่าหลายประเทศ สิ่งนี้ตอกย้ำถึงศักยภาพและบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้มแข็งของไทย
“ในอนาคตถ้ามีการแก้กฎหมาย NIA เราจะเข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพด้วย โดย 1 ในมิติที่เราจะลงทุนแน่ ๆ คือด้านการแพทย์”
NIA กับกลยุทธ์ 4G สร้างนวัตกรรมสู่สากล
ที่ผ่านมา NIA สนับสนุนสตาร์ตอัพและผู้ประกอบการด้านการแพทย์ผ่านแนวคิด 4G คือ
- Groom: สร้างย่านนวัตกรรมการแพทย์ 4 แห่ง ได้แก่ ย่านโยธีและศิริราชในกรุงเทพฯ ย่านสวนดอกในเชียงใหม่ และย่านกังสดาลในขอนแก่น เพื่อจุดประกายแนวทางการสร้างนวัตกรรมและการทดสอบการใช้งานในพื้นที่
- Grant: สนับสนุนเงินทุนพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมทางการแพทย์ผ่านกลไกในหลากหลายรูปแบบ
- Growth: ผลักดันการเติบโตด้านการแพทย์ผ่านโปรแกรม ‘Spear H’ ที่จะขยายผลต่อยอดการลงทุนและสามารถออกสู่ตลาดต่างประเทศ
- Global: ส่งเสริมสตาร์ตอัพไทยสู่เวทีโลก เช่น การเข้าร่วมงาน Medica 2024 ในเยอรมนี ซึ่งถือเป็นตลาด MedTech ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปและอยู่ในระดับต้น ๆ ของโลก
สวทช. เน้น R&D ลดการนำเข้า
รองศาสตราจารย์ ดร.เติมศักดิ์ ศรีคิรินทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ชี้ว่า ประเทศไทยยังคงพึ่งพาการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศในมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปี สาเหตุหลักในอดีตคือการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) อยู่ในอัตราต่ำ
“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การขาดแคลนไอเดียหรือบุคลากรที่มีความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและการสนับสนุนที่ยังไม่เอื้อต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างเต็มที่” ดร.เติมศักดิ์กล่าว
สวทช. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเชิงลึก (Upstream R&D) เพื่อวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ สวทช. มีฐานข้อมูลองค์ความรู้และผลงานวิจัยกว่า 700 เรื่อง ครอบคลุมตั้งแต่ Biomaterials, Implants, เทคโนโลยีการวินิจฉัยและตรวจโรค ไปจนถึงเทคโนโลยีชีวภาพและเวชศาสตร์ฟื้นฟู เช่น M-Bone ‘วัสดุทดแทนกระดูกสำหรับปลูกถ่ายในร่างกายมนุษย์’ ซึ่งเป็นวัสดุทดแทนกระดูกชนิดแรกของไทยที่ได้มาตรฐานสากล ช่วยลดการนำเข้าได้มากกว่าร้อยล้านบาทต่อปี
เรื่องราวจากสตาร์ตอัพ Popolo
ด้านกฤติมา ทุ่มขนอน ซีอีโอของ Popolo ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพด้านเครื่องมือแพทย์ เล่าถึงที่มาของการก่อตั้งบริษัทที่เกิดจากแนวคิดที่ว่า “ทุกคนควรเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน” จึงมุ่งพัฒนาอุปกรณ์การผ่าตัดด้วยการส่องกล้องที่มีราคาเข้าถึงได้และมีคุณภาพสูง เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับอาจารย์แพทย์และทีมนักวิจัย
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเครื่องมือแพทย์เผชิญความท้าทายจาก “หุบเหวแห่งความตาย” เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสูงและมีความไม่แน่นอน เพราะต้องใช้เวลานานในการขออนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบัน Popolo จำหน่ายอุปกรณ์ในประเทศและวางแผนขยายสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อยกระดับแบรนด์นวัตกรรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
Medical Fair Thailand 2025 สะท้อนศักยภาพไทยสู่เวทีโลก
เพื่อเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัพและ SME ไทยในกลุ่มนวัตกรรมการแพทย์ได้ขยายตลาด ในปีนี้ NIA จึงได้ร่วมกับบริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย และภาคีเครือข่าย นำสตาร์ตอัพ 8 ราย เข้าร่วมงาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025
ซี เลย์ อิง Deputy Portfolio Director MEDICARE ASIA บริษัท เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย เปิดเผยว่า จากข้อมูลเชิงลึกของตลาดในภูมิภาคและแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม พบว่าประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทางด้านนวัตกรรมการแพทย์ ซึ่งเกิดจากแรงขับเคลื่อนของการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง การเติบโตของอุตสาหกรรมภายในประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศที่เพิ่มมากขึ้น
มีการประเมินจาก เมสเซ่ ดุสเซลดอร์ฟ เอเชีย ถึงโอกาสทางการแพทย์ที่สำคัญของไทย อาทิ
- การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และสุขภาพ ภูมิภาคอาเซียนเป็นศูนย์กลางสำคัญ โดยไทยเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการชั้นนำ ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยทางเลือกการรักษาที่ราคาไม่แพง มาตรฐานได้รับการยอมรับ และการดูแลแบบองค์รวม โดยในปี 2567 ตลาดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยมีมูลค่า 433.81 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าจะเติบโตด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 15.24% ไปถึง 1,349.10 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2575
- อุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือแพทย์ของไทย เป็นหนึ่งในเสาหลักของระบบนิเวศการดูแลสุขภาพ โดยได้รับการสนับสนุนจากฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง นโยบายภาครัฐเชิงยุทธศาสตร์ และความต้องการจากต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ตลาดเครื่องมือแพทย์ภายในประเทศคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 7% ขณะที่การส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวถึง 7.5% ต่อปี กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ไทยมีศักยภาพโดดเด่น ได้แก่ เวชภัณฑ์สิ้นเปลือง อุปกรณ์วินิจฉัยโรค และเครื่องมือฟื้นฟูสมรรถภาพ
- การแพทย์เพื่อรองรับประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้น ประเทศไทยและอาเซียนกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์ที่รวดเร็ว โดยประชากรสูงอายุที่เพิ่มขึ้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการเพิ่มความต้องการผลิตภัณฑ์ บริการ และโซลูชันเพื่อการรักษาต่าง ๆ
งาน MEDICAL FAIR THAILAND 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 กันยายน 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จะเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพของไทย โดยมีผู้แสดงสินค้ากว่า 1,000 ราย จากกว่า 40 ประเทศ รวมถึง 20 พาวิลเลียนไทยและนานาชาติ ครอบคลุมเทคโนโลยีและโซลูชันหลากหลายสาขา อาทิ กลุ่มโรงพยาบาล การวินิจฉัย ยา เวชภัณฑ์ เวชศาสตร์ฟื้นฟู และ Digital Health
สำหรับงานปีนี้ มีการเปิดตัวโซนจัดแสดงใหม่ที่สอดรับกับแนวโน้มสำคัญของอุตสาหกรรม ได้แก่ โซน LaunchPad สำหรับสตาร์ตอัพและนวัตกรรมก้าวล้ำ, โซน Community Care สำหรับเทคโนโลยีดูแลผู้สูงอายุและการฟื้นฟูสมรรถภาพ และ โซน Medical Manufacturing ที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อนำเสนอการผลิตเครื่องมือแพทย์มูลค่าสูง สะท้อนบทบาทของงานแสดงฯ ต่อการขับเคลื่อนและสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมในหลากหลายมิติ
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ปรากฏการณ์ ‘หมูเด้ง’: จากไวรัลสะเทือนโลก สู่ความหวังของการอนุรักษ์ในยุคดิจิทัล
จาก “เป็ด” สู่ “พลเมืองแห่งการเรียนรู้”: เส้นทางสู่ชีวิตที่ “ดีที่สุดในแบบคุณ”