บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการเทคโนโลยีอีกครั้ง ด้วยการประกาศความสำเร็จในการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปฏิวัติกระบวนการทำงานในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม แต่เบื้องหลังผลลัพธ์ที่น่าทึ่งอย่างการประหยัดต้นทุนจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ได้แล้วกว่า 32 ล้านบาท ณ กลางปี 2025 ไม่ใช่เรื่องของเวทมนตร์ แต่คือบทสรุปของรากฐานทางความคิดที่แข็งแกร่งและแนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งสั่งสมมาจากการเดินทางบนเส้นทางสาย AI ที่ยาวนาน
ในขณะที่โลกเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุค “Agentic AI” ซึ่ง AI สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้ด้วยตนเอง และคาดการณ์ว่าภายในปี 2028 กว่า 15% ของการตัดสินใจในที่ทำงานจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติผ่านเทคโนโลยีนี้ KBTG กลับเลือกที่จะนำเสนอความเป็นจริงของการนำเทคโนโลยีที่กำลังอยู่บนจุดสูงสุดของความคาดหวัง (peak of inflated expectations) มาใช้งาน พวกเขาไม่ได้มอง AI เป็นยาวิเศษ แต่เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ต้องถูกควบคุมด้วยกลยุทธ์ที่รอบคอบและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน
บทความนี้จะเจาะลึกถึงแก่นของกลยุทธ์ที่ทำให้ KBTG ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้าน AI Transformation โดยจะถอดรหัสโมเดลความสำเร็จออกเป็น 3 ส่วนสำคัญ เริ่มจากปรัชญาและเสาหลักเชิงกลยุทธ์ (Strategic Pillars) ที่เป็นหัวใจในการตัดสินใจ ตามด้วยกรณีศึกษาที่เป็นรูปธรรม (Use Case in Action) ผ่านการปฏิวัติวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ และปิดท้ายด้วยองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ทั้งหมดเป็นจริงได้ (Enabling Infrastructure) ทั้งในด้านแพลตฟอร์มและกรอบการควบคุมคุณภาพ
หัวใจของกลยุทธ์: เจาะลึก 5+1 Pillars สูตรสำเร็จ KBTG

ความสำเร็จของ KBTG ไม่ได้เริ่มต้นที่เทคโนโลยี แต่เกิดจากการวางรากฐาน 5 ประการแรกให้แข็งแกร่ง แล้วจึงนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเป็นส่วนที่ 6 ซึ่ง เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท KBTG เรียกว่า “สมการ 5+1” ที่จะปลดล็อกมูลค่าของ AI ได้อย่างแท้จริง
- Data คือ กระดุมเม็ดแรกที่เป็นทั้งขุมทรัพย์และจุดชี้ขาด ปรัชญาของ KBTG เริ่มต้นด้วย “Data” ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกสุดในเส้นทางสู่ AI+ หากข้อมูลที่ป้อนให้มีคุณภาพต่ำ ไม่ถูกต้อง หรือมีอคติ (Garbage In) ผลลัพธ์และการตัดสินใจก็จะผิดพลาดตามไปด้วย (Garbage Out) ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งในยุคของ Agentic AI ที่ทำงานอย่างรวดเร็วและตัดสินใจแทนมนุษย์ได้
- Use Case การเลือกสมรภูมิที่ถูกต้อง แม้จะมีสถิติว่า 92% ของบริษัทวางแผนจะลงทุนใน Gen AI เพิ่มขึ้น แต่มีเพียง 1% ที่บรรลุผลสำเร็จ KBTG ชี้ว่าปัญหานี้เกิดจากการมุ่งเน้นที่ Use Case เดี่ยว ๆ แทนที่จะบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการทำงานหลัก การเลือก Use Case ที่ถูกต้องจึงหมายถึงการหาปัญหาที่เมื่อแก้ไขแล้วจะสามารถสร้างผลกระทบที่วัดผลได้จริง
- Process การออกแบบกระบวนทัพใหม่ทั้งหมด การปลดล็อกศักยภาพของ AI ได้เต็มที่นั้นต้องการการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานแบบ end-to-end ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มได้ถึง 2-3 เท่า เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงแค่บางส่วน KBTG ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นกลุ่ม Innovators ที่ทำการเปลี่ยนแปลง AI แบบองค์รวม โดยเปลี่ยนวิธีคิดจากการนำ AI มา “บวก” เข้ากับงานเดิม (+AI) ไปสู่การนำ AI มาเป็น “ตัวตั้ง” ในการออกแบบงานใหม่ทั้งหมด (AI+) ตั้งแต่การทำ Automation ไปจนถึงการแทนที่ Workflow เดิม
- Governance “รั้วป้องกัน” ที่ได้มาตรฐานโลก Agentic AI ที่สามารถตัดสินใจได้เองนั้นจำเป็นต้องมีกรอบธรรมาภิบาล หรือ Guardrail ที่แข็งแกร่ง KBTG ได้พัฒนากรอบการกำกับดูแล AI ของตนเอง โดยอ้างอิงมาตรฐานสากลที่ครอบคลุมตั้งแต่ EU AI Act, UNESCO, ISO 42001 ไปจนถึง NIST นอกจากนี้ KBTG ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ AI Governance Alliance ของ World Economic Forum และ The AI Alliance เพื่อร่วมกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในระดับโลก
- Talent & Human in the Loop มนุษย์คือผู้บัญชาการที่ขาดไม่ได้ แม้ AI จะมีความสามารถในการประมวลผลที่รวดเร็วและทำงานได้หลากหลาย แต่มนุษย์ยังคงมีคุณค่าที่ทดแทนไม่ได้ในด้านความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) ความคิดสร้างสรรค์ (Creativity) และสัญชาตญาณ (Intuition) ดังนั้น ในทุกการใช้งาน AI ยังคงจำเป็นต้องมีมนุษย์คอยกำกับดูแลในขั้นตอนสุดท้าย
+1. AI Technology คือ จิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ทรงพลัง เมื่อรากฐานทั้ง 5 ข้อนี้ถูกวางไว้อย่างมั่นคงแล้ว “เทคโนโลยี AI” จึงจะเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่เข้ามาเติมเต็มและสร้างความสำเร็จได้อย่างสมบูรณ์แบบ
กลไกขับเคลื่อนหลัก: ปฏิวัติการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วย AI-Driven SDLC

จิรัฏฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director – Software Development Excellence, KBTG นำ 5+1 Pillars มาปรับใช้จริงในกระบวนการที่สำคัญที่สุดอย่าง Software Development Lifecycle (SDLC) โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเสริมศักยภาพให้นักพัฒนาซอตฟ์แวร์ (Augment)
KBTG ได้สร้างจักรวาลของ Agent ขึ้นมาสำหรับ SDLC โดยมีเป้าหมายที่จะสร้าง AI Agent ขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือบุคลากรในทุกบทบาท ตั้งแต่ Business Analyst, Solution Architect (SolAr) ไปจนถึง Tester และ Deployment โดย Agent เหล่านี้ถูกออกแบบมาให้สามารถพูดคุยและส่งมอบงานต่อกันได้อย่างอัตโนมัติ
กรณีศึกษาที่ชัดเจนที่สุดคือ Coding Agent ซึ่งถูกนำไปใช้งานกับ Software Engineer และ Tester กว่า 600 คน ได้สร้างผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มผลิตภาพของนักพัฒนาได้มากกว่า 45% ในบางกรณี สร้างโค้ดไปแล้วกว่า 10 ล้านบรรทัด (คิดเป็น 10% ของโค้ดทั้งหมด) ลดต้นทุนจากการเพิ่มผลิตภาพได้ถึง 32 ล้านบาท (ณ เดือนมิถุนายน 2025) และสามารถทำงานขนาดเล็ก (Size S) ที่เคยใช้เวลา 2 ชั่วโมงให้เสร็จสิ้นได้ภายใน 15 นาที และในโปรเจกต์ “MAKE by KBank” บางงานที่เคยใช้เวลา 1 วันเต็ม สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้ในเวลาเพียง 15 นาที กระบวนการนี้ถูกออกแบบมาให้ไร้รอยต่อ โดยนักพัฒนาสามารถมอบหมายงานให้กับ “ชื่อของ Agent” ผ่านระบบจัดการโปรเจกต์ที่คุ้นเคย เมื่อ Agent ทำงานเสร็จสิ้น ก็จะส่งมอบงานกลับมาให้ Senior Engineer ที่เป็นมนุษย์ทำการตรวจสอบ (Review) ในขั้นตอนสุดท้าย ทั้งนี้ KBTG ตั้งเป้าที่จะเพิ่มผลิตภาพของ SDLC ทั้งกระบวนการให้ได้ 10% ในปี 2025 และ 20% ในปี 2026
โครงสร้างพื้นฐานสู่ความสำเร็จ: กรอบคุณภาพและแพลตฟอร์ม AI
ความสำเร็จทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากโครงสร้างพื้นฐานและกรอบการทำงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งเกราะป้องกันและเครื่องยนต์ขับเคลื่อนนวัตกรรม ที่ KBTG มีการจัดทำ Testing Framework คือ “Chai LAI” และ “Sai JAI” เป็นเกราะป้องกันแห่งคุณภาพ

เมสินี นาคมณี Deputy Managing Director – Software Quality Management, KBTG ได้อธิบายถึงแนวคิดด้านคุณภาพที่ KBTG ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเป็นองค์กรแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการรับรองเป็น ISTQB Platinum Partner ซึ่งปรัชญานี้สะท้อนผ่าน AI Agent 2 ตัว ได้แก่
Chai –LAI (AI for Testing) คือกองทัพ AI Agent ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยงานทดสอบในทุกมิติ ตั้งแต่ Test Management, Test Quality Assurance ไปจนถึง Performance Test
Sai JAI (Testing for AI) คือ กรอบการทำงานที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อควบคุมคุณภาพของ AI ทุกตัวที่ออกจาก KBTG เพื่อให้มั่นใจว่า AI เหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือ ปลอดภัย และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
AI Platform: AthenaMind และ AI Playground เครื่องยนต์ขับเคลื่อนนวัตกรรม

วรรณลภย์ วิสิฐธรรมคุณ Assistant Managing Director – Intelligence Engineering and Data Technology, KBTG ได้เปิดเผยเบื้องหลังที่ทำให้ KBTG สามารถสร้างและขยายกองทัพ Agent ได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่สองอย่างในเวลาเดียวกัน คือ “Ignite Innovation” สำหรับการทดลอง และ “Scale Intelligence” สำหรับการนำไปใช้งานจริง
AI Playground ช่วยเร่งสปีดนวัตกรรม โดยลดขั้นตอนการเตรียมสภาพแวดล้อมเพื่อทดลองไอเดียใหม่ ๆ จากเดิมที่ใช้เวลาถึง 30 วัน ให้เหลือ ภายใน 1 วัน ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงและสร้างสรรค์นวัตกรรมได้ (Democratize AI) AthenaMind แพลตฟอร์มหลักที่ใช้ในการนำ AI Agent ไปใช้งานจริง ถูกออกแบบให้เป็น Modular Architecture เพื่อให้สามารถถอดสลับ AI โมเดลใหม่ ๆ (เช่น THaLLE, Gemini, GPT-4) เข้ามาใช้ได้ตลอดเวลา และป้องกันการผูกติดกับเทคโนโลยีของเจ้าใดเจ้าหนึ่ง ความสำเร็จของ KBTG คือภาพสะท้อนของการวางกลยุทธ์ที่มองทะลุปรุโปร่ง โดยมี 5+1 Pillars เป็นเข็มทิศชี้นำ มี AI-Driven SDLC เป็นสนามรบที่พิสูจน์ผลลัพธ์ และมี Quality Framework กับ AI Platform เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ค้ำจุนทุกอย่างไว้ ทำให้การเดินทางสู่การเป็นองค์กร AI ระดับโลกนั้นไม่ใช่แค่ความฝัน แต่เป็นเป้าหมายที่กำลังจะกลายเป็นจริง
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
KBTG ชี้ AI ก้าวสู่ยุค ‘AI Agent’ เพื่อนร่วมงานดิจิทัล แนะคน-องค์กรไม่ปรับตัวเสี่ยงถูกแทนที่
ปลดล็อกอนาคตไทยจาก ‘งานวิจัยขึ้นหิ้ง’ สู่เศรษฐกิจแสนล้านด้วย AI และ ‘ลายแทงจีโนม’