ในวาระครบรอบ 80 ปีของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กรุงศรีและ Mitsubishi UFJ Financial Group (MUFG) สถาบันการเงินชั้นนำระดับโลก ร่วมกันตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการเป็น “ธนาคารแห่งภูมิภาคเพื่อความยั่งยืน” โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์การเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผ่านการผสานความแข็งแกร่งของกรุงศรีและเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายเชิงโครงสร้าง เช่น สังคมสูงวัย หนี้ครัวเรือน การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความมั่นคง
คาเนทสุกุ มิเกะ ประธานกรรมการของ MUFG ได้กล่าวถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะตลาดเชิงกลยุทธ์ของ MUFG ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยระบุว่า ประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการขยายบทบาทของ MUFG ในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านความร่วมมืออันยาวนานกว่า 12 ปีกับกรุงศรี ซึ่งเริ่มจากการลงทุนครั้งแรกในปี 2556 และการรวมกิจการในปี 2558
“MUFG และกรุงศรีเปรียบเสมือน ‘ครอบครัวเดียวกัน’ ที่ทำงานร่วมกันเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยและภูมิภาค” มิเกะกล่าว
ภายใต้แผนธุรกิจระยะ 3 ปีของ MUFG ซึ่งประกอบด้วย 7 กลยุทธ์หลัก การเติบโตในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ โดยมิเกะชี้ว่า ประเทศไทยมีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากกำไรราว 60% ของ MUFG มาจากนอกประเทศญี่ปุ่น และในจำนวนนี้ 45% มาจากภูมิภาคเอเชีย โดยครึ่งหนึ่งของกำไรในเอเชียมาจากประเทศไทยผ่านการดำเนินงานของกรุงศรี ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงบทบาทของกรุงศรีในฐานะสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) และเป็นสะพานเชื่อมโยงธุรกิจไทย ญี่ปุ่น และบรรษัทข้ามชาติทั่วทั้งภูมิภาค
มิเกะกล่าวเพิ่มเติมว่า ในสภาวะที่ภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจมีความผันผวน การร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่าง MUFG กรุงศรี ลูกค้า และพันธมิตร เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชนและเศรษฐกิจไทย MUFG มุ่งมั่นสนับสนุนกรุงศรีในการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่ตอบโจทย์ความท้าทายเชิงโครงสร้างของประเทศไทย เช่น การเข้าสู่สังคมสูงวัย หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด และการปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล
–ราช กรุ๊ป คว้าสินเชื่อ 5 พันล้านจากกรุงศรีฯ หนุนพลังงานยั่งยืน
กลยุทธ์การเติบโตของ MUFG ในไทย
มิเกะได้ขยายความถึงกลยุทธ์ของ MUFG ในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย โดยเน้น 3 ความท้าทายหลักและแนวทางการแก้ไข คือ
เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว MUFG ได้ยึดหลักการ 2 ประการ คือ
- ไม่เน้นการขายสินทรัพย์ (Divestment) แต่เน้นการมีส่วนร่วมกับลูกค้า (Engagement of Clients) MUFG จะไม่เน้นขายสินทรัพย์ทางการเงินของธุรกิจที่ยังปล่อยคาร์บอนสูง แต่จะทำงานร่วมกับธุรกิจเหล่านั้นอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ โดยจะให้คำปรึกษาและจัดหาเงินทุนที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนผ่านนี้ ซึ่ง MUFG นิยามว่าเป็น “Transition Finance”
- แนวทางการรับมือที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ MUFG ตระหนักดีว่าแต่ละประเทศมีบริบทที่แตกต่างกัน เช่น โรงไฟฟ้าถ่านหินในเอเชียยังมีอายุการใช้งานสั้นกว่าในยุโรป การกำจัดโรงไฟฟ้าเหล่านั้นในทันทีอาจเป็นเรื่องที่เร็วเกินไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาแนวทางที่เหมาะสมและยั่งยืนสำหรับแต่ละประเทศ
สำหรับความท้าทายด้าน Digital Transformation มิเกะมองว่า AI และเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ๆ ต้องการการลงทุนระยะยาวในการสร้างData Center ซึ่ง MUFG มีความเชี่ยวชาญด้าน Project Finance ในระดับโลกมายาวนานกว่า 5 ปี ทำให้พร้อมที่จะสนับสนุนการลงทุนในส่วนนี้ นอกจากนี้ มิเกะยังชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มประชากรที่ยังไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและบริการธนาคารผ่านมือถือ ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการขยายบริการทางการเงินให้ครอบคลุมมากขึ้น
สุดท้าย ในเรื่องของการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอันเนื่องมาจากผลกระทบของการขึ้นภาษีต่างตอบแทนใหม่ของสหรัฐอเมริกา มิเกะกล่าวว่า MUFG มองเห็นโอกาสในการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยในการปรับโครงสร้างธุรกิจ ผ่านความเชี่ยวชาญและเครือข่ายที่แข็งแกร่งของ MUFG ในการทำ Business Matching และการให้คำปรึกษาด้านการควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อช่วยลูกค้าไทยให้สามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
–ธนาคารกรุงศรีอยุธยาติดทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 10
กรุงศรีกับกลยุทธ์ความยั่งยืนและนวัตกรรม
ด้านเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงความสำเร็จของกรุงศรี ตลอดระยะเวลา 80 ปีที่ผ่านมาว่า “การยืนหยัดอย่างมั่นคงท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจและสถานการณ์ต่าง ๆ ได้หล่อหลอมให้กรุงศรี มีความแข็งแกร่ง พร้อมรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและสภาพภูมิอากาศ”
เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ กรุงศรีจึงมุ่งเน้นการเสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจหลัก (Core Banking) ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และดำเนินธุรกิจบนหลักการความยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยตั้งเป้าหมาย Krungsri Net Zero Vision หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2573
ยามาโตะได้เปิดเผยยุทธศาสตร์ 3 ด้านหลักที่กรุงศรีใช้ในการส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง ได้แก่
- การเชื่อมโยงกลยุทธ์และความร่วมมือ ขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายสำคัญของประเทศไทย พร้อมใช้ประโยชน์จากเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโซลูชันทางการเงิน ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ และการขยายความร่วมมือในระดับภูมิภาค เพื่อเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับลูกค้าทั่วทั้งอาเซียน
- นวัตกรรมดิจิทัล ยกระดับขีดความสามารถให้เหนือกว่าการให้บริการทางการเงินแบบดั้งเดิม ด้วยการลงทุนในโซลูชันดิจิทัล และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบด้าน เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านและการเติบโตของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ
- พันธกิจด้านความยั่งยืน บูรณาการแนวคิดด้านความยั่งยืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจ พร้อมส่งเสริมสังคมที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ กรุงศรีได้ตั้งเป้าหมายใหม่ที่จะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินให้แก่โครงการธุรกิจเพื่อสังคมและความยั่งยืน (SSF) ให้ถึง 250,000 ล้านบาทภายในปี 2573 ตอกย้ำถึงความเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ยามาโตะยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าของนโยบายด้าน ESG ของธนาคารว่า ESG เป็นหัวใจหลักของกรุงศรี โดยเฉพาะการลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งในปี 2024 กรุงศรีสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้เกือบ 10% จากปีก่อนหน้า ด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ การใช้รถยนต์ EV/Hybrid และการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในสาขา
ในส่วนของการปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน ยามาโตะเปิดเผยว่า กรุงศรีได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคธุรกิจ โดยปัจจุบันสามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนได้แล้วกว่า 220,000 ล้านบาท และกำลังพิจารณาที่จะเพิ่มเป้าหมายให้สูงขึ้นกว่าเดิม เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งพลังงาน ไฟฟ้า เคมี และการขนส่ง รวมถึงสินเชื่อบลูโลนเพื่อการประมงที่ยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
VOICERA จับมือ BOTNOI เป็นพันธมิตร ให้บริการโซลูชัน AI ครบวงจรสำหรับองค์กร
GCNT Expo 2025: ภาคเอกชนชู 7T เร่งเครื่อง SDGs สู้ความท้าทาย AI