Share on
×

Share

ทรู คอร์ปอเรชั่นพลิกโฉมสู่ AI-First ชู 5G เจาะตลาดลูกค้าและ SME

ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศเดินเกมรุกครั้งสำคัญภายใต้การนำทัพของแม่ทัพใหญ่ “ซิกเว่ เบรกเก้” ที่มีเป้าหมายชัดเจนในการยุติเกมการแข่งขันแบบเดิมซึ่งมุ่งเน้นเพียงจำนวนลูกค้าใหม่ และปักธงนำองค์กรทะยานสู่การเป็น “ผู้ชนะใจลูกค้า” (Customer Champion) พร้อมกับการนำ “AI มาเป็นหัวใจในการขับเคลื่อน” (AI-First) อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แผนกลยุทธ์ แต่คือการปฏิรูปทุกมิติขององค์กรที่จะส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมในเร็ว ๆ นี้

ปลดล็อกโอกาสมหาศาลในตลาดองค์กรและ SME

จุดเริ่มต้นของวิสัยทัศน์ใหม่ มาจากการมองเห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในตลาดประเทศไทย นั่นคือกลุ่มลูกค้าองค์กรและผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 2 ล้านราย แต่ในปัจจุบันกลับสร้างรายได้ให้บริษัทเพียง 7-8% เท่านั้น ตัวเลขดังกล่าวไม่เพียงแต่แสดงถึงศักยภาพที่ยังไม่ได้นำมาใช้อย่างเต็มที่ แต่ยังถือว่าต่ำอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในภูมิภาคเอเชีย

ซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นี่คือบ่อขุมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่รอการเข้าไปบุกเบิก โดยกลยุทธ์ที่จะใช้เพื่อเจาะตลาดนี้จะต้องก้าวข้ามบทบาทของผู้ให้บริการโทรคมนาคมแบบดั้งเดิมไปอย่างสิ้นเชิง วิสัยทัศน์คือการเปลี่ยนจากการเป็นเพียงผู้ขายซิมการ์ดและบริการเชื่อมต่อข้อมูล ไปสู่การเป็น “พันธมิตรด้านโซลูชันดิจิทัล” (Digital Solutions Partner) อย่างเต็มตัว

ทรู คอร์ป โชว์กำไรต่อเนื่องไตรมาส 2 ที่ 2.0 พันล้านบาท ย้ำความสำเร็จจากการควบรวม

ซึ่งหมายถึง การนำเสนอชุดบริการที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจยุคใหม่โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ความเร็วสูงสำหรับสำนักงาน โซลูชันเครือข่ายส่วนตัวที่ปลอดภัย (เช่น SD-WAN) และแพ็กเกจความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) ที่แข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านโซลูชัน IoT (Internet of Things) ตั้งแต่ระบบจัดการยานพาหนะ (Fleet Management) สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์ ไปจนถึงเซ็นเซอร์อัจฉริยะสำหรับภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมการผลิต พร้อมทั้งบริการคลาวด์คอมพิวติ้งและศูนย์ข้อมูล (Cloud & Data Center) เพื่อให้ธุรกิจสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและขยายตัวได้อย่างคล่องแคล่ว เป้าหมายสูงสุดคือการเป็น One-Stop-Shop ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่สามารถก้าวผ่านความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ

5 เสาหลักแห่งการเปลี่ยนแปลงสู่ผู้นำตลาด

เพื่อขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายดังกล่าว กลยุทธ์ทั้งหมดถูกวางอยู่บน 5 หลักการสำคัญซึ่งเป็นหัวใจของการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

เสาหลักแรกและสำคัญที่สุด คือ การเป็นผู้ชนะใจลูกค้า (Customer Champion) จะต้องเปลี่ยนจากการให้บริการเชิงรับ มาเป็นการทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาเชิงรุก โดยจะมีการวัดผลความพึงพอใจของลูกค้าอย่างเป็นระบบผ่านดัชนีชี้วัดสากลอย่าง NPS (Net Promoter Score) และมุ่งมั่นที่จะกำจัดปัญหา (pain point) ของลูกค้าออกไปทีละจุด เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจและสร้างความภักดีในระยะยาว

เสาหลักที่สอง คือ การครองตลาดลูกค้าบ้าน (Winning the Home) ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ไกลกว่าการเป็นเพียงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่หมายถึงการเป็นศูนย์กลางของชีวิตดิจิทัลภายในบ้าน (Center of Digital Life) ผ่านการนำเสนอโซลูชันบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) แพลตฟอร์มความบันเทิงครบวงจร และบริการอื่น ๆ ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ทุกชิ้นเข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ

เสาหลักที่สาม คือ การครองตลาดลูกค้าธุรกิจ (Winning the Business) โดยจะพลิกบทบาทจากการเป็นผู้ขายบริการพื้นฐานไปสู่การเป็นพันธมิตรด้านโซลูชันดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรและ SME สามารถเติบโตได้ในโลกยุคใหม่ผ่านบริการที่ปรึกษาและโซลูชันที่ครอบคลุมทั้งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ คลาวด์คอมพิวติ้ง และเทคโนโลยี IoT ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

เสาหลักที่สี่ คือ การก้าวสู่อนาคตด้วย AI (Step into AI Future) อย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่ใช้เป็นเครื่องมือเสริม แต่เป็น “AI-first” นำ AI มาประยุกต์ใช้ในทุกกระบวนการขององค์กร ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานภายใน มุ่งสู่การปฏิบัติงานแบบไร้การสัมผัส (Touch-free Operation) การสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล (Personalization) ไปจนถึงการพัฒนาบริการและโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ

เสาหลักที่ห้า คือ การมุ่งสู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบ (Sharpened Focus on Digitalization) เป้าหมายคือการสร้างประสบการณ์ลูกค้าแบบ Omnichannel ที่ไร้รอยต่อให้ลูกค้าสามารถเริ่มต้นบริการในช่องทางหนึ่งและไปจบในอีกช่องทางหนึ่งได้อย่างราบรื่นเหมือนเป็นเรื่องเดียวกัน ควบคู่ไปกับการนำระบบอัตโนมัติ (Automation) เข้ามาแทนที่กระบวนการทำงานแบบเดิม ๆ ที่ใช้คน

จัดทัพผู้บริหารใหม่ ขับเคลื่อนกลยุทธ์เฉพาะด้าน

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายเป็นผู้นำด้านประสบการณ์ลูกค้าแบบครบวงจร ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้จัดทัพผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนภารกิจสำคัญในแต่ละด้านอย่างชัดเจน นำโดยทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อผลักดันกลยุทธ์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

แม่ทัพคู่ดูแลลูกค้าโดยตรง ได้มีการแต่งตั้ง มนัสส์ มานะวุฒิเวช ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านประสบการณ์ลูกค้าและธุรกิจรีเทล ทำงานร่วมกับ ชารัด เมห์โรทรา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจลูกค้าบุคคล ซึ่งจะดูแลด้านผลิตภัณฑ์และกลยุทธ์การส่งมอบคุณค่าที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ทีมขุนพลขับเคลื่อนการเติบโตและคุณภาพเครือข่าย นำโดย ฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านโฮมคอนเนคทิวิตี้ ดร.ธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร โดยมีหัวใจสำคัญคือคุณภาพของเครือข่ายภายใต้การดูแลของ คูรัม อัชฟาค หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเครือข่าย

สถาปนิกผู้สร้างรากฐานแห่งอนาคต: นับเป็นครั้งแรกของทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ได้แต่งตั้ง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ (Chief Data and AI Officer) ขึ้นมาโดยเฉพาะ พร้อมกันนี้ยังได้แต่งตั้ง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Chief Information Technology Officer) เพื่อรับผิดชอบการบริหารจัดการและออกแบบระบบ IT ทั้งหมดให้ทันสมัย

จากวิสัยทัศน์สู่การปฏิบัติจริงที่จับต้องได้

ภายในระยะเวลา 6 เดือนข้างหน้า ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้วางเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าในทุกมิติให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยแบ่งเป็น 3 ด้านหลักดังนี้

  1. ด้านการปฏิวัติโครงข่าย ขยายสู่ One Network เต็มรูปแบบ บริษัทจะดำเนินการโครงการ “One Network” ให้เสร็จสิ้น 100% ภายในเดือนกันยายน 2568 ซึ่งจะส่งผลให้ลูกค้าทั่วประเทศได้รับสัญญาณ 5G และ 4G ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยจะมีการนำคลื่นความถี่ 2300MHz ที่มีอยู่ทั้งหมด 70MHz มาใช้งานเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งความจุที่เพิ่มขึ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายได้ทันทีถึง 17% ในส่วนของ 5G บนคลื่น 2600MHz จะถูกยกระดับด้วยเทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) ซึ่งช่วยให้จัดสรรสัดส่วนการใช้งานระหว่าง 5G และ 4G ได้อย่างยืดหยุ่น นอกจากนี้ จะเริ่มนำคลื่นใหม่ 1500MHz มาใช้งานเพื่อเพิ่มความจุในการดาวน์โหลด (Downlink) ร่วมกับคลื่นย่านความถี่ต่ำอื่นๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วของเครือข่ายให้สูงขึ้นไปอีกขั้น
  2. ด้านปฏิวัติบริการสู่ดิจิทัล จะมีแอปเดียวครบทุกธุรกรรม เป้าหมายสูงสุดคือการทำให้ลูกค้าทุกรายสามารถทำธุรกรรมทุกรูปแบบได้ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2568 มีลูกค้าที่หันมาใช้ช่องทางดิจิทัลในการทำธุรกรรมแล้วถึง 19%
  3. ด้านปฏิวัติประสบการณ์ลูกค้า บริการไร้รอยต่อทุกช่องทาง (Omnichannel): สร้างประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวและไร้รอยต่อในทุกช่องทางการบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ ลูกค้าจะสามารถเริ่มต้นทำธุรกรรมในช่องทางหนึ่ง แล้วไปทำต่อในอีกช่องทางหนึ่งได้อย่างต่อเนื่อง เช่น ลูกค้าสามารถโทรสอบถามข้อมูลกับคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นสามารถเดินเข้าไปที่หน้าร้านเพื่อดำเนินการต่อได้ทันทีโดยที่พนักงานมีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว

สร้างวัฒนธรรมองค์กรและพัฒนาคนเพื่ออนาคต

การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและโครงสร้างจะประสบความสำเร็จไม่ได้ หากปราศจากรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดนั่นคือ “คน” ดังนั้น กลยุทธ์ด้านบุคลากรและวัฒนธรรมองค์กรจึงถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน

การหลอมรวมตัวตนและวัฒนธรรมองค์กรใหม่: บริษัทกำลังอยู่ในกระบวนการศึกษาและจะเปิดตัวภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ (Refreshed Brand) ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งไม่ใช่แค่การเปลี่ยนโลโก้ แต่เป็นการสร้างคุณค่าของแบรนด์ที่เน้นย้ำถึง “ความน่าเชื่อถือ” (Trusted Brand) ควบคู่ไปกับการกำหนดวัฒนธรรมภายในองค์กรขึ้นมาใหม่

ปฏิรูปองค์กรและวิธีการทำงานสู่ความทันสมัย: โครงสร้างองค์กรจะถูกปรับให้แบนราบยิ่งขึ้น (Flatten Organization) เพื่อเพิ่มความเร็วในการตัดสินใจ ขณะเดียวกันกระบวนการที่ซ้ำซากจำเจจะถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติมากขึ้น เพื่อให้บุคลากรได้ใช้เวลาและศักยภาพไปกับงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และการตัดสินใจที่ซับซ้อนกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างวิธีการทำงานแห่งอนาคตที่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม (Teamwork) และเพิ่มการมีส่วนร่วมของพนักงาน (Employee Engagement) ให้สูงขึ้น

พัฒนาคนสู่ยุค AI ด้วยแผนการยกระดับทักษะครั้งใหญ่: ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและวัดผลได้ภายในสิ้นปี 2568 คือพนักงานกว่า 10,000 คน จะต้องผ่านการฝึกอบรม โดยแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 60% ของพนักงานทั้งหมดจะมีความรู้ความสามารถด้าน AI ในระดับพื้นฐาน, 30% จะได้รับการฝึกอบรมในระดับสูงขึ้น และ 10% จะถูกพัฒนาอย่างเข้มข้นให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ขององค์กร

“การจะก้าวสู่การเป็นบริษัท AI ได้นั้น ไม่ใช่แค่การจ้างผู้เชี่ยวชาญใหม่ ๆ แต่คือการติดอาวุธทางปัญญาให้กับพนักงานปัจจุบันทุกคน ให้เข้าใจว่า AI คืออะไร นำไปใช้อะไรได้บ้าง และจะนำมาประยุกต์ใช้กับงานประจำวันของตนเองได้อย่างไร เพื่อสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมจากภายในอย่างแท้จริง”

การยกเครื่ององค์กรครั้งนี้ เปลี่ยนจากแนวคิดเดิม ๆ ที่มุ่งเน้นการแข่งขันด้านราคาและจำนวนซิม ไปสู่การสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนโดยมี “ลูกค้า” และ “เทคโนโลยี AI” เป็นหัวใจสำคัญ จะเป็นก้าวหนึ่งที่น่าจับตามองในสมรภูมิโทรคมนาคมของประเทศไทย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

‘GoTrade’ เมื่อยักษ์ใหญ่โลจิสติกส์ ลงมาแก้โจทย์ SME ไทยในสนามรบโลก

ปลดล็อกสินเชื่อ SME-ฟรีแลนซ์: เมื่อข้อมูลทางเลือกและ AI ทลายกำแพงการเงิน

×

Share

ผู้เขียน