Share on
×

Share

จากห้องเรียน สู่การรถไฟ: ส่องพลัง AI for Thai ที่ถูกนำไปใช้งานจริง

จากแนวคิดเชิงนโยบายสู่การใช้งานจริงที่จับต้องได้… เวทีเสวนา ‘Use Case การประยุกต์ใช้งาน AI Services’ ได้นำเสนอภาพความสำเร็จครั้งสำคัญของแพลตฟอร์ม AI for Thai ที่วันนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือในมือของนักพัฒนาและองค์กรไทยหลากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผู้ช่วยครูในห้องเรียน การปลดล็อกคลังสมองของชาติ การปฏิวัติงานเอกสารในองค์กร ไปจนถึงการปั้นบุคลากรพันธุ์ใหม่เพื่อขับเคลื่อนประเทศ

นี่คือเรื่องราวของการนำเทคโนโลยี AI สัญชาติไทยไปสร้างผลกระทบจริงในทุกมิติของสังคม

ปฏิวัติห้องเรียนด้วย AI: เมื่อ“แมทเมี้ยว” กลายเป็นผู้ช่วยครูและเพื่อนเรียนของเด็กไทย

ในแวดวงการศึกษาซึ่งเผชิญกับความท้าทายในการสร้างการเรียนรู้ที่ตอบโจทย์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ได้นำ AI Service จากแพลตฟอร์ม AI for Thai มาพัฒนาเป็นเครื่องมือการเรียนรู้ที่น่าสนใจและเกิดผลกระทบในวงกว้าง อาจารย์อัมริสา จันทนะศิริ ผู้ชำนาญ สาขาคณิตศาสตร์มัธยมศึกษา สสวท. ได้นำเสนอ “แมทเหมียว” (MathMeow) แชตบอทเพื่อการเรียนรู้คณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมต้นและปลาย

“แมทเหมียว” (MathMeow) ไม่ใช่แค่คลังข้อสอบธรรมดา แต่เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้วยตนเอง นักเรียนสามารถเข้ามาทำแบบฝึกหัด ทบทวนบทเรียนผ่านคลิปวิดีโอที่เชื่อมโยงไว้ และรับทราบผลคะแนนของตนเองได้ทันที ในขณะเดียวกันสำหรับคุณครู แพลตฟอร์มนี้ได้กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่ช่วยลดภาระงาน โดยครูสามารถสร้างห้องเรียนของตนเอง ติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนแต่ละคน และดึงข้อมูลคะแนนออกมาในรูปแบบไฟล์ Excel เพื่อนำไปประเมินผลต่อยอดได้อย่างสะดวก

ความสำเร็จของ “แมทเหมียว” (MathMeow) ได้รับการยืนยันจากการนำไปทดลองใช้ในโรงเรียนกว่า 40 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งผลปรากฏว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะสสวท. ยังได้ต่อยอดสู่ CellFieBoom แชทบอทสำหรับวิชาชีววิทยา และมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการพัฒนาสู่ Personalized Learning ที่ AI จะสามารถวิเคราะห์จุดอ่อนของนักเรียนและป้อนโจทย์ที่เหมาะสมกับระดับความสามารถของแต่ละคนได้โดยอัตโนมัติ

ปลดล็อกขุมทรัพย์ความรู้ชาติ: วช. พลิกโฉมการเข้าถึงงานวิจัยด้วย AI

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในฐานะคลังสมองและผู้จัดเก็บข้อมูลงานวิจัยมหาศาลของประเทศ ได้เผชิญกับโจทย์ใหญ่ในการทำให้ขุมทรัพย์ทางปัญญานี้สามารถถูกเข้าถึงและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

สุดารัตน์ สายเพียร รักษาการผู้อำนวยการกลุ่มงานบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้เล่าถึงความร่วมมือกับเนคเทคในการนำเทคโนโลยี Large Language Model (LLM) ของ AI for Thai มาพลิกโฉมระบบฐานข้อมูลงานวิจัยของประเทศ

Thai Large Language Model

ผลลัพธ์คือ 3 เครื่องมืออัจฉริยะที่ช่วยทลายกำแพงการเข้าถึงข้อมูล ได้แก่ ระบบสืบค้นงานวิจัยไทยด้วย ThaiLLM ที่เปลี่ยนจากการค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดแบบเดิม ๆ สู่การสืบค้นด้วยภาษาธรรมชาติ

TNRR DocChat ที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยวิจัยส่วนตัว สามารถถามตอบและสรุปเนื้อหาจากเอกสารงานวิจัยได้ทันที และ NRIIS Chatbot ที่ถูกยกระดับให้สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลทุนวิจัยได้อย่างแม่นยำ การนำ AI มาใช้ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นักวิจัยเข้าถึงองค์ความรู้ได้ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการทำให้นโยบายและการจัดสรรทุนวิจัยของประเทศขับเคลื่อนด้วยข้อมูลอย่างแท้จริง

จากงานเอกสารสู่ระบบอัตโนมัติ:  ZTRUS ใช้ AI เป็นมันสมองขับเคลื่อนธุรกิจ

ในภาคอุตสาหกรรมที่ประสิทธิภาพและความเร็วคือหัวใจสำคัญ ดร.อิทธิพันธ์ เมธเศรษฐ Chief Technology Officer จาก ACCOMATE ได้ฉายภาพการนำเทคโนโลยี AI มาแก้ปัญหาที่น่าเบื่อและซ้ำซากที่สุดอย่างหนึ่งในองค์กร นั่นคือ งานเอกสารผ่านแพลตฟอร์ม  ZTRUS  ซึ่งทำหน้าที่เป็นระบบอัตโนมัติสำหรับงานเอกสาร โดยเฉพาะในแผนกบัญชีและการเงิน

ดร.อิทธิพันธ์ ได้เล่าถึงวิวัฒนาการของ AI ที่น่าสนใจว่า ในช่วงแรก AI ของ  ZTRUS ทำหน้าที่เหมือน “พนักงานคีย์ข้อมูล” แต่เมื่อได้เรียนรู้จากเอกสารนับล้านฉบับ ก็ได้พัฒนาตัวเองเป็น “นักบัญชีจบใหม่” และก้าวสู่การเป็น “นักบัญชีอาวุโส (Senior)” ที่สามารถตรวจสอบความผิดปกติและให้เหตุผลในเชิงลอจิกที่ซับซ้อนขึ้นได้  ZTRUS ยังได้นำ API ของตนเองมาให้บริการบนแพลตฟอร์ม AI for Thai เพื่อเปิดโอกาสให้นักพัฒนาและองค์กรอื่น ๆ สามารถเข้ามาทดลองใช้งานและต่อยอดเป็นโซลูชันของตนเองได้

สร้างคนพันธุ์ใหม่: AI Innovator ปั้นนักพัฒนา AI ทั่วประเทศด้วย Use Case จริง

โจทย์ที่สำคัญไม่แพ้การพัฒนาเทคโนโลยีคือ “การสร้างคน” ให้สามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านั้นได้ ดร.รังสันต์ จอมทะรักษ์ ผู้ช่วยคณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ในฐานะผู้แทนจากโครงการ AI Innovator ได้เล่าถึงภารกิจในการลงพื้นที่ไปทั่วประเทศเพื่อสร้างความตระหนักและพัฒนาทักษะ AI ให้กับคนทุกช่วงวัย ตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงบุคลากรในภาคอุตสาหกรรม

หัวใจของโครงการ AI Innovator คือการเรียนรู้ผ่าน Use Case จริง เช่น การนำ AI มาช่วยวางแผนวัตถุดิบและวิเคราะห์การตลาดให้ธุรกิจกาแฟ หรือกรณีที่น่าทึ่งอย่างการที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้นำความรู้จากโครงการไปพัฒนาระบบทำนายการซ่อมบำรุงหัวรถจักรได้ล่วงหน้า โครงการนี้ได้ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างผู้ใช้กับเครื่องมือ AI สัญชาติไทย เพื่อทลายความเชื่อที่ว่า AI เป็นเรื่องไกลตัวและมีแต่ของต่างชาติ และพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ได้

เวทีเสวนาในครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า พลังของ AI สัญชาติไทยได้ถูกจุดติดและกำลังขยายผลไปในวงกว้าง สร้างผลกระทบเชิงบวกตั้งแต่ในห้องเรียน สู่การกำหนดนโยบายวิจัย ไปจนถึงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่าการเดินทางสู่การเป็น “ชาติแห่งนวัตกรรม” นั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างแข็งแกร่ง

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

บ้านปู ชี้ครึ่งปีหลังทิศทางธุรกิจดีขึ้น Data Center – AI แรงหนุนสำคัญ

LMWN x Coke: เปลี่ยนคนดูให้เป็นลูกค้าด้วย Data, Emotion และกลยุทธ์ ACT

×

Share

ผู้เขียน