Share on
×

Share

ทาโร่ จับมือ ไปรษณีย์ไทย – PTTGC เปลี่ยนซองขนมสู่พลังงานสะอาด

เคยสงสัยไหมว่าซองขนมปลาเส้น “ทาโร่” ที่เราเพิ่งทานหมดไปจะเดินทางไปไหนต่อ? สำหรับคนส่วนใหญ่ มันอาจเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่งที่ถูกทิ้งลงถัง แต่สำหรับกลุ่มบริษัทพรีเมียร์และพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากหลากหลายวงการ ซองเปล่าในมือคุณคือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติครั้งสำคัญในการจัดการขยะและสร้างพลังงานสะอาดให้กับประเทศ

นี่คือเรื่องราวเบื้องหลังโครงการ “ทาโร่ รักษ์โลก โชคเด้ง” แคมเปญที่ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคด้วยของรางวัลมูลค่ากว่า 16 ล้านบาท แต่ยังเป็นการผนึกกำลังครั้งประวัติศาสตร์ของธุรกิจชั้นนำ เพื่อเปลี่ยน “ขยะ” ที่เคยเป็นปัญหา ให้กลายเป็น “เชื้อเพลิง” ที่มีค่า และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนไทยทุกคน

จุดเริ่มต้น: เมื่อหน้าที่ไม่ได้จบที่หน้าโรงงาน

“ปัญหาโลกร้อนและขยะเป็นเรื่องของเราทุกคน” วิเชียร พงศธร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทพรีเมียร์ เริ่มต้นเล่าถึงที่มาของโครงการและยอมรับว่าประเด็นเหล่านี้ถูกพูดถึงมานานจนทุกคนในสังคมรับรู้ แต่ถึงเวลาแล้วที่จะต้อง “ร่วมลงมือทำ” อย่างจริงจัง

วิเชียรยอมรับว่า “ทาโร่” คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกหลายชั้น (Multi-layered Plastic) ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการถนอมรักษาคุณภาพอาหารให้อยู่ได้ยาวนาน แต่ในขณะเดียวกันบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ก็กลายเป็นขยะที่ระบบการจัดการในปัจจุบันยังไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะดูแลได้ทั้งหมด ทำให้มักพบเห็นซองพลาสติกเหล่านี้ตกค้างอยู่ตามแม่น้ำลำคลอง

“เรามองว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานนี้ เมื่อเราปล่อยซองขยะไปถึงมือผู้บริโภคแล้ว ก็ควรจะเป็นหน้าที่สำคัญของเราที่จะต้องเชิญชวนให้ผู้บริโภคนำซองเหล่านั้นกลับมาเข้าสู่กระบวนการจัดการที่เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และเป็นมิตรกับสังคมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

จากความตระหนักในหน้าที่ที่ขยายขอบเขตออกไปไกลกว่าหน้าประตูโรงงานนี้เอง คือประกายไฟแรกของโครงการฯ แต่การจะสร้างพฤติกรรมใหม่ให้เกิดขึ้นในสังคมวงกว้างไม่ใช่เรื่องง่าย วิเชียรกล่าวว่าจำเป็นต้องมี กุศโลบายเพื่อจูงใจให้คนที่ไม่คุ้นเคยกับการแยกขยะหันมาร่วมมือ

แนวคิดเรื่องการ “ชิงโชค” จึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างแรงจูงใจในช่วง 5 เดือนแรก โดยหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป การแยกขยะจะกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ และนี่คือจุดเริ่มต้นของการออกเดินทางไปเชิญชวนพันธมิตรจากหลากหลายวงการมาร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ไปด้วยกัน

ฟันเฟืองสำคัญ: จากเครือข่ายไปรษณีย์สู่โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
(ซ้าย) – ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด

การจะรวบรวมซองทาโร่จากทั่วประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปเมื่อมี บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้ลำเลียงหลัก ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจขนส่งคือหนึ่งในภาคส่วนที่สร้างมลภาวะ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเป็นส่วนสำคัญในการลดปัญหานี้ได้ ไปรษณีย์ไทยดำเนินธุรกิจด้วยหลัก ESG+E มาอย่างยาวนาน โดยตัว ‘E’ สุดท้ายที่เพิ่มเข้ามาคือ Economics

“ตราบใดที่เรามองว่าการทำเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (ESG) เป็นเพียงต้นทุน (Cost) สิ่งนั้นจะไม่มีวันยั่งยืน แต่ถ้าเราสามารถเปลี่ยนมันให้เกิดคุณค่าทางเศรษฐกิจได้ ทุกอย่างจะเติบโตต่อไปได้อย่างแท้จริง”

ด้วยความเชี่ยวชาญด้าน Reverse Logistics หรือการขนส่งพัสดุตีกลับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอีคอมเมิร์ซอยู่แล้ว ไปรษณีย์ไทยจึงนำศักยภาพนี้มาปรับใช้กับโครงการ โดยเปิดจุดรับซองทาโร่ที่ทำการไปรษณีย์กว่า 1,455 สาขาทั่วประเทศ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อรวบรวมและส่งต่อไปยังฟันเฟืองสุดท้ายของกระบวนการ

พันธมิตรสายพลังงาน: PTG กับภารกิจดูแลโลกเพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลัง

เมื่อซองทาโร่ถูกรวบรวมแล้ว ปลายทางคือการแปรสภาพให้เป็นพลังงาน ซึ่ง พิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้ให้ภาพที่ชัดเจนว่า เหตุใดบริษัทพลังงานจึงต้องลงมามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้

พิทักษ์กล่าวว่า วันนี้ PTG ไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจพลังงาน แต่กำลังปรับเปลี่ยนตัวเองไปสู่ธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ผ่านกลยุทธ์ 3 ด้านหลัก หนึ่งคือ การใช้พลังงานหมุนเวียน โดยตั้งเป้าติดตั้ง Solar Roof บนสถานีบริการน้ำมันกว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศให้ได้ 100% เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองและสร้างพื้นที่พักผ่อนที่เย็นสบายให้ผู้เดินทาง

สองคือ การปลูกป่า (Reforest) ผ่านธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย ด้วยการส่งเสริมการปลูกกาแฟกว่า 300,000 ไร่ภายใน 5 ปี ซึ่งการปลูกกาแฟต้องทำใต้ร่มไม้ใหญ่ จึงเป็นการพลิกฟื้น “ภูเขาหัวโล้น” ให้กลับมาเขียวชอุ่มอีกครั้ง และ สามคือ การปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่พลังงานสะอาด ซึ่งรวมถึงการแปลงขยะเป็นไฟฟ้าและเชื้อเพลิง RDF ซึ่งสอดคล้องกับโครงการนี้โดยตรง

“เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของหน้าที่และการปลูกจิตสำนึก เมื่อเราอยู่บนโลกใบนี้ เราก็ไม่ควรทำร้ายโลกโครงการนี้เป นโครงการที่ทำได้ง่าย เข้าถึงได้ และสนุก ผมเชื่อว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นให้หลายคนหันมาใส่ใจมากขึ้น เพราะสิ่งที่เราทำในวันนี้ คือการส่งมอบโลกที่ดีกว่าให้กับลูกหลานของเรา”

กระบวนการเปลี่ยนขยะให้มีค่า: จากซองเปล่าสู่เชื้อเพลิง RDF

ปลายทางของซองทาโร่นับล้านก็คือ บริษัท พลังงานพัฒนา 5 จำกัด ในเครือ บริษัท พีทีทีจีซี จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ที่จะมาไขความลับของการเปลี่ยนพลาสติกให้เป็นพลังงาน

รังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีจีที เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ซองทาโร่ที่ผู้บริโภคคัดแยกมาอย่างดีถือเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศ เมื่อมาถึงโรงงานจะถูกนำเข้าเครื่องบดย่อยให้มีขนาดเล็กลง จนกลายเป็นเชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูง (Refuse-Derived Fuel หรือ RDF) ซึ่งมีคุณสมบัติให้พลังงานความร้อนสูงมาก เทียบเท่ากับถ่านหินประเภทบิทูมินัส (Bituminous Coal) เป็นถ่านหินคุณภาพสูงอันดับสอง มีปริมาณคาร์บอนสูง 

เชื้อเพลิง RDF นี้จะถูกส่งต่อไปยังโรงงานปูนซีเมนต์ เพื่อใช้ทดแทนถ่านหินในกระบวนการผลิต ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ต้องใช้เวลาย่อยสลายในหลุมฝังกลบนานนับร้อยปี แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน และลดการนำเข้าถ่านหินจากต่างประเทศอีกด้วย

พลังคนรุ่นใหม่: เมื่อความ “กรีน” คือความ “คูล” และการ “ชิงโชค” คือจุดเปลี่ยน

เพื่อให้โครงการนี้เข้าถึงคนหมู่มาก โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ การสื่อสารและแรงจูงใจคือหัวใจสำคัญ พิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร และ ศิรพันธ์ วัฒนจินดา ผู้ร่วมก่อตั้งผู้ก่อตั้งบริษัท คิด คิด จำกัด และแพลตฟอร์ม ECOLFE ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันผู้บริโภคยุคใหม่กว่า 70% ยินดีที่จะจ่ายแพงขึ้นเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนสินค้าจากแบรนด์ที่ใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม

“เทรนด์เปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนอยากปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเองให้ดีต่อโลกมากขึ้น พวกเขามองหาสินค้าและบริการที่จะมาตอบโจทย์นี้” พิพัฒน์ กล่าว

ขณะที่ศิรพันธ์ กล่าวเสริมว่า กุญแจสำคัญที่จะทำให้คนส่วนใหญ่ที่อาจยังมองว่าเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องไกลตัวหันมาสนใจ คือสิ่งที่เรียกว่า “Gamification” หรือการทำให้เป็นเรื่องสนุกเหมือนเกม ซึ่งก็คือการ “ชิงโชค”

“ถ้าพูดคำว่า Gamification คนไทยอาจจะงง แต่ถ้าบอกว่า ‘ชิงโชค’ ทุกคนจะสนใจทันที การที่แคมเปญกล้าแจก กล้าให้ผู้บริโภค มันสร้างความเชื่อใจว่า ถ้าคุณกล้าทำเพื่อเรา เราก็กล้าให้คุณกลับคืน”

แนวคิดนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ กันตินันท์ ตันวีนุกูล ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท สลีค อีวี จำกัด (SLEEK EV) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า หนึ่งในของรางวัลใหญ่ของแคมเปญ ที่มองว่าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดและการลดคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 คือทางรอดเดียวของโลก และไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน

เริ่มต้นง่าย ๆ ที่ตัวเรา: จาก 1 ซองสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

โครงการ “ทาโร่ รักษ์โลก โชคเด้ง” ได้วางระบบซัพพลายเชนแห่งความยั่งยืนไว้พร้อมแล้ว ตั้งแต่ผู้ผลิตที่รับผิดชอบ เครือข่ายการจัดเก็บที่ครอบคลุม ไปจนถึงกระบวนการแปรสภาพเป็นพลังงานที่ทรงประสิทธิภาพ เหลือเพียงส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “พวกเราทุกคน”

พิพัฒน์เชิญชวนว่า “วันนี้เหลือแค่พวกเราแล้ว ว่าเมื่อทานทาโร่เสร็จ เราจะจัดการกับซองในมืออย่างไร ถ้าเราจัดการถูกวิธี นอกจากจะอร่อย ได้ประโยชน์ ยังได้ลุ้นโชค และได้เป็นจุดเริ่มต้นของการจัดการขยะที่ดีที่สุด”

ด้านศิรพันธ์ ได้ฝากทฤษฎี 21 วัน ที่เชื่อว่าหากลองทำอะไรซ้ำๆ กัน 21 วัน สิ่งนั้นจะกลายเป็นนิสัยใหม่

“จากคนที่ไม่เคยสนใจสิ่งแวดล้อมอย่างศิรพันธ์ยังเปลี่ยนได้ ศิรพันธ์ก็เชื่อว่าทุกคนเปลี่ยนได้เช่นกัน ขอแค่เริ่มต้นจากแอคชั่นเล็ก ๆ อย่าคิดว่ามันจะไม่สร้างผลกระทบ เพราะมันเปลี่ยนได้จริง ๆ”

สำหรับวิธีการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงรวบรวมซองเปล่าทาโร่ขนาดและราคาเดียวกันให้มีมูลค่ารวม 100 บาทขึ้นไป ซึ่งจะนับเป็น 1 สิทธิ์ในการลุ้นโชค จากนั้นนำไปส่งได้ที่ทำการไปรษณีย์ไทยกว่า 1,455 สาขาทั่วประเทศ

โดยสามารถจัดส่งได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น และจะได้รับ Tracking Number เพื่อใช้สำหรับลงทะเบียนลุ้นรางวัล เพื่อร่วมลุ้นโชคกันตลอด 5 เดือนเต็ม ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568 กับของรางวัลมากมาย อาทิ iPhone 16 Pro, iPad Air, รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า Sleek EV และรางวัลใหญ่ รถยนต์ไฟฟ้า Volvo EX30 ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 16 ล้านบาท

นี่ไม่ใช่แค่แคมเปญการตลาด แต่คือบทพิสูจน์ว่าเมื่อธุรกิจยักษ์ใหญ่ผนึกกำลังกันเพื่อเป้าหมายเดียวกัน พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงก็สามารถเกิดขึ้นได้จริง จากซองขนมเล็ก ๆ ในมือเรา กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานที่ขับเคลื่อนประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างพฤติกรรมใหม่เพื่อโลกที่น่าอยู่กว่าเดิมสำหรับคนรุ่นต่อไป

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

พลังงานเพื่อใคร? ถึงเวลาทลายกำแพงความคิด-เทคโนโลยี-อำนาจผูกขาด

Self-Care, Value, AI: 3 กุญแจสำคัญปฏิวัติสุขภาพไทย

×

Share

ผู้เขียน