ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงโลกเร็วกว่าที่เคย World Economic Forum (WEF) ได้คาดการณ์ว่าเกือบ 1 ใน 4 ของตำแหน่งงานทั่วโลกจะถูกพลิกโฉมภายในปี 2030 ท่ามกลางความท้าทายนี้ สองประเทศแกนนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทยและมาเลเซีย ไม่ได้เพียงตั้งรับ แต่กำลังเดินหน้ารุกอย่างเต็มกำลังด้วยยุทธศาสตร์ชาติที่ทะเยอทะยาน เพื่อสร้าง “พลเมืองดิจิทัล” ที่พร้อมสำหรับอนาคต
แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันในการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชน แต่ทั้งสองประเทศกลับเลือกใช้แนวทางที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ

มาเลเซีย: เดิมพันอนาคตสู่ ‘ชาติแห่ง AI’ ด้วยยุทธศาสตร์รอบทิศทาง
อเดรียน มาร์เซลลัส (Adrian Marcellus) ซีอีโอ MyDIGITAL Corporation กล่าวว่า ประเทศมาเลเซียได้ประกาศเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทายในการก้าวสู่การเป็น “ชาติแห่งปัญญาประดิษฐ์” (AI Nation) ภายในปี 2030 โดยมี MyDIGITAL Corporation เป็นหน่วยงานขับเคลื่อนหลัก ยุทธศาสตร์ของมาเลเซียไม่ได้เป็นเพียงการวางนโยบาย แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ผ่านแนวทางที่ครอบคลุมทุกมิติ
MyDIGITAL Corporation มีภารกิจสำคัญ 4 ด้าน เริ่มตั้งแต่ 1) การขับเคลื่อนพิมพ์เขียวเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผนแม่บทระยะ 10 ปี 2) การทำหน้าที่เป็นศูนย์กลาง3) การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 โดยร่วมมือกับ World Economic Forum (WEF) ไปจนถึงการบ่มเพาะหน่วยงานดิจิทัลแห่งอนาคต เช่น สำนักงาน AI แห่งชาติ และท้ายที่สุดคือ 4) การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ ซึ่งเป็นส่วนที่ดูแลโครงการด้านการพัฒนาทักษะโดยตรง
หัวใจของยุทธศาสตร์มาเลเซีย คือ ความเชื่อที่ว่าพลเมืองทุกคนต้องมีความเข้าใจพื้นฐานในเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเขา จึงได้ริเริ่มโครงการ “AI untuk Rakyat” หรือ AI เพื่อประชาชน ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์เต็มรูปแบบที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย
โครงการนี้ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น มีผู้ลงทะเบียนเรียนรู้แล้วกว่า 1.5 ล้านคน ความสำเร็จดังกล่าวได้นำไปสู่การขยายผลสู่หลักสูตรเทคโนโลยีอื่น ๆ ในรูปแบบ “Tech for Everyone” ซึ่งครอบคลุมทั้ง Blockchain, Quantum Computing, Data และ Cloud โดยยังคงเน้นเนื้อหาที่ย่อยง่ายและใช้เวลาเรียนสั้น เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
นอกจากการสร้างความรู้จากฐานรากแล้ว มาเลเซียยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาทักษะของผู้กำหนดนโยบายและผู้นำภาครัฐ ผ่านความร่วมมือกับ Asian School of Business ซึ่งก่อตั้งร่วมกันระหว่างธนาคารกลางมาเลเซียและสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) โดยมีเป้าหมายในการจัดอบรมผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาลปีละประมาณ 200 คน เพื่อให้มั่นใจว่าผู้นำประเทศมีความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อนวาระดิจิทัลแห่งชาติ
เพื่อให้การพัฒนาทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานจริง MyDIGITAL Corporation ได้ทำงานร่วมกับกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ และหน่วยงาน TalentCorp จัดตั้งสภาอุตสาหกรรมขึ้นมา 11 คณะ เพื่อวิเคราะห์ความต้องการทักษะในปัจจุบันและอนาคตอย่างละเอียด เช่น การระบุความต้องการวิศวกรเซมิคอนดักเตอร์จำนวน 60,000 คน ซึ่งข้อมูลนี้ช่วยให้ภาครัฐและสถาบันการศึกษาสามารถวางแผนผลิตบุคลากรได้ตรงจุด ทั้งหมดนี้สะท้อนปรัชญาการทำงานของมาเลเซียที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ตามเทคโนโลยี แต่มีความพยายามที่จะเป็นผู้กำหนดอนาคตของตนเอง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นอย่างแท้จริง
ประเทศไทย: ยุทธศาสตร์ ‘คานงัด’ ด้วยมาตรการภาษีปลุกชีพจรเศรษฐกิจดิจิทัล
ขณะที่มาเลเซียมุ่งสร้างชาติ AI อย่างครอบคลุม ยุทธศาสตร์ของประเทศไทยกลับเลือกใช้แนวทางที่แตกต่าง โดยมีแรงจูงใจทางเศรษฐกิจเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อน
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า เบื้องหลังของยุทธศาสตร์นี้มาจากโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่เป็นรูปทรงพีระมิด ซึ่งมีฐานรากเป็นภาคเกษตรกรจำนวนมาก ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจ SME ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และมียอดบนสุดเป็นองค์กรขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง โจทย์สำคัญจึงเป็นการยกระดับ SME และภาคเกษตรให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลได้
เพื่อสร้างอุปสงค์ให้เกิดขึ้นในตลาด depa ได้สร้างแพลตฟอร์ม Thailand Digital Catalog ซึ่งเป็นบัญชีรวบรวมบริการดิจิทัลที่ได้มาตรฐาน พร้อมออกมาตรการจูงใจทางการคลังที่ทรงพลังหลายด้านควบคู่กันไป ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจนำค่าใช้จ่ายในการซื้อเทคโนโลยีจากแคตตาล็อกไปลดหย่อนภาษีได้ถึงสองเท่า การมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจาก BOI สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ไปจนถึงการสร้างตลาดภาครัฐผ่านระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างพิเศษ
เมื่อมีอุปสงค์แล้ว จำเป็นต้องสร้างอุปทานของกำลังคนที่มีทักษะมารองรับ depa จึงได้ออกแบบ Digital Skill Roadmap ซึ่งเป็นกรอบการพัฒนาทักษะที่แบ่งออกเป็นสามระดับอย่างชัดเจน ในระดับรากฐานที่สุด แผนงานมุ่งสร้างทักษะพื้นฐานดิจิทัลที่จำเป็นให้แก่พลเมืองทั้ง 67 ล้านคน โดยเน้นความรู้ความเข้าใจในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ความปลอดภัยไซเบอร์ และการสร้างธุรกิจใหม่ ถัดมาในระดับกลาง เป็นการสร้างเส้นทางอาชีพใหม่ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด SME และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เช่น นักพัฒนาเกม ผู้สร้างแอนิเมชัน และผู้ดูแลระบบไอทีสำหรับองค์กร
ส่วนในระดับสูงสุด แผนงานมุ่งเป้าไปที่การแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทักษะสูงอย่างเร่งด่วน ผ่านการส่งเสริมทักษะเฉพาะทางด้านวิศวกรรมข้อมูลและสถาปัตยกรรมคลาวด์ กลไกที่ทรงพลังที่สุดอยู่ที่มาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับทักษะระดับสูงนี้ บริษัทที่ส่งพนักงานปัจจุบันไปอบรมจะได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายถึง 250% และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นหากบริษัทจ้างบัณฑิตจบใหม่และลงทุนส่งไป Reskill ในหลักสูตรเหล่านี้ จะสามารถนำเงินเดือนของพนักงานคนนั้นมาลดหย่อนภาษีได้ถึง 150% เป็นเวลานานสูงสุดหนึ่งปีเต็ม
ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนของทั้งสองประเทศไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับพลเมืองของตนเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสารไปยังประชาคมโลกว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมแล้วที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญในเวทีเศรษฐกิจดิจิทัล และหากสามารถผนึกกำลังในระดับอาเซียนได้ พลังของภูมิภาคนี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัดในโลกยุคใหม่
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ส่องอนาคตโรงงานไทยผ่านเวที Industry 4.0 Awards 2025
Andrew Ng ชี้ทิศทาง AI จากมายาภาพ AGI สู่ยุคที่ทุกคนเข้าถึงปัญญาประดิษฐ์