ภายในงาน ESGNIVERSE 2024 Real – World of Sustainability สัมมนาจักรวาลแห่งความยั่งยืน มีการจัด Panel Discussion หัวข้อ Real-World of Sustainability โดยได้ สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS, กิตติพงษ์ ศิริลักษณ์ตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) และจุฑาทิพย์ เก่งมานะ ผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน Starbucks Thailand มาร่วมให้ข้อมูลการดำเนินธุรกิจด้วย ESG และการสร้างแรงจูงใจให้พนักงานในองค์กรมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน ESG
ทำไม ESG ถึงสำคัญในการดำเนินธุรกิจ?
สายชล ให้ข้อมูลว่า AIS วาง ESG ให้อยู่กลยุทธ์ของธุรกิจ โดยเรียกว่า ‘Sustainable Business strategy’ ในฐานะผู้ให้บริการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ซึ่งรวมไปถึงบรอดแบนด์คลื่อนที่ (Mobile broadband) และหรือบรอดแบนด์ประจำที่ (Fixed broadband) ดังนั้น การกำหนดกลยุทธ์ของธุรกิจ (Business strategy) จึงได้มุ่งเน้น 3 เรื่องหลัก ดังนี้
- Digital Economy เป็นการช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ทั้งเศรษฐกิจ และชีวิตความเป็นอยู่ด้วยระบบ Digital
- Digital inclusion เป็นการสร้างการเข้าถึงระบบ Digital ของผู้คนทั่วประเทศ
- Climate change เป็นใช้เทคโนโลยีที่ควบคุมหรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Climate tech) ลดปัญหาโลกร้อน
กิตติพงษ์ ระบุว่า บ้านศุภาลัยเป็นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ดำเนินการธุรกิจที่ทำงานร่วมกับผู้คนจำนวนมากและหลากหลาย เช่น นักออกแบบ สถาบันทางการเงิน ผู้รับเหมา ผู้ผลิตวัสดุ ผู้ดูแลอาคาร เป็นต้น ที่สำคัญการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่สามารถทำเพียงโครงการเดียวแล้วหยุด 3-5 ปี เพื่อรอดูผลลัพธ์ได้ แต่จำเป็นต้องวางแผนดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าการดำเนินธุรกิจในลักษณะนี้ต้องอาศัยความยั่งยืน ซึ่ง ESG ก็ได้สอดรับกับทุกเรื่องในการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
จุฑาทิพย์ เปิดเผยว่า Starbucks เริ่มต้น ESG มาตั้งแต่วันแรกของการดำเนินธุรกิจ ผ่านพันธกิจ (Mission) และ คุณค่า (Value) โดยมีเมล็ดกาแฟเป็นตัวเชื่อมโยงในทุก ๆ การเดินทาง โดยให้คำมั่นสัญญากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 5 กลุ่ม ดังนี้
- Partner คือพนักงานที่ Starbuck ที่ทาง Starbuck ให้คำมั่นสัญญาว่าเหล่า Partner ที่ทำงานด้วยนั้นจะต้องมีอนาคตที่ดีขึ้น
- Customer คือลูกค้าที่ทาง Starbuck ให้คำมั่นสัญญาว่าจะต้องเป็นการส่งมอบวันดี ๆ ให้กับลูกค้า
- Farmer คือชาวไร่ ที่ปลูกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพที่ทาง Starbuck ให้คำมั่นสัญญาว่า เราจะมีอนาคตที่ดีร่วมกันทุกคน
- Community ซึ่งคือชุมชนที่เข้าไปดำเนินธุรกิจที่ทาง Starbuck ให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลชุมชน
- Nature คือธรรมชาติที่ทาง Starbuck ให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งคืนสู่ธรรมชาติให้มากกว่าที่ได้รับมา
หลักจากที่ Starbuck ได้มีคำมั่นสัญญาดังกล่าว จึงได้เกิดเป็นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับโลก (Global goal) เพื่อช่วยเหลือ ESG 3 เรื่อง ดังนี้
- ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 50% ภายในปี 2023
- ลดการใช้น้ำตั้งแต่แหล่งต้นน้ำ ไปจนถึงน้ำในร้านสาขาต่าง ๆ 50% ภายในปี 2030
- ลดขยะที่ส่งไปฝังกลบ 50% ภายในปี 2030
ในส่วนของประเทศไทยเอง ก็ได้มีการให้ความสำคัญกับ 3 เรื่องหลัก ดังนี้
- Coffee คือ Starbuck ได้มีการรับซื้อเมล็ดกาแฟอย่างเป็นธรรมจากชาวไร่ด้วยราคาที่สูงกว่าราคาตลาดโลก
- People คือ Starbuck ได้ดูแลผู้คน 2 กลุ่มคือ กลุ่มชาวไร่ และ กลุ่มชุมชน เช่น ชุมชนพื้นบ้านภาคเหนือ ชุมชนศิลปิน ชุมชนลูกค้า เป็นต้น
- Planet คือ Starbuck มีแนวทางการสร้างร้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การเลือกใช้วัสดุ พลังงาน เครื่องมือ เป็นต้น
– สตาร์บัคส์ ชวนลูกค้าช่วยลดขยะ นำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้าน รับส่วนลด 10 ทันที
การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานในองค์กรมีส่วนในการขับเคลื่อน ESG
กิตติพงษ์ ระบุว่า สิ่งสำคัญคือต้องมีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ทุกฝ่ายเข้าใจในเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กร ศุภาลัยมีเป้าหมายที่ ‘ต้องการเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่ยั่งยืนด้วยการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม’ เมื่อมีความชัดเจนแล้วต้องมีช่องทางในการสื่อสารออกไป ไม่ใช่มีเพียงแค่คู่มือเท่านั้น ผู้นำองค์กรต้องเป็นแบบอย่างด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีดัชนีชี้ความสำเร็จ (KPI) และเป้าหมายและผลสัมฤทธิ์สำคัญ (OKR) มีการนำผลของ ESG ที่ได้ดำเนินการมาถกกันในที่ประชุม นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนนวัตกรรม (Innovation) ของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์
สายชล ระบุว่า แน่นอนเช่นเดียวกันคือต้องมีจุดมุ่งหมาย (Purpose) ซึ่ง AIS เองมีจุดมุ่งหมาย (Purpose) คือต้องการเป็น Digital life service ให้กับผู้คน นอกจากนี้ยังมีการเคลื่อนตัวให้เป็นองค์กรเทคโนโลยีอัจฉริยะ ในส่วนของการสื่อสารกับพนักงานในองค์กรให้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน ESG นั้น คือการให้อิสรภาพกับพนักงาน ให้เครื่องมือ ให้งบประมาณ และมีสิ่งที่เรียกว่า ‘People Champion’ ซึ่งมาจากตัวแทนของแต่ละแผนกด้วยความเต็มใจโดยไม่บีบบังคับ ซึ่งแรงขับเคลื่อนส่วนใหญ่ของพนักงานจะมาจาก People Champion ซึ่งบางโครงการที่ทำก็ไม่ประสบผลสำเร็จ แต่บางโครงการก็สามารถไปต่อได้ถึงขั้นกลายเป็น Business model หรือ Social enterprise model ได้ เช่น E-Library เป็นต้น ที่สำคัญพนักงานทำแล้วต้องมีความสนุก ซึ่ง AIS ก็ได้ใช้ระบบสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital token) แลกสิ่งของต่าง ๆ ให้กับพนักงาน และต้องรับรู้ความต้องการของพนักงานให้ได้
จุฑาทิพย์ ระบุว่า การสื่อสารกับพนักงานในองค์กรให้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน ESG นั้นคือ ก่อนเข้าไปทำงานในร้านจะมีการฝึกฝน (Trainee) ทุกคนจะได้เรียนการใช้ชีวิตพื้นฐานของการทำงานภายในร้าน Starbucks และวัฒนธรรม (Culture) ภายในร้านจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยหล่อหลอมและขับเคลื่อนพนักงาน และในการเรียนรู้งานในแต่ละวันของพนักงาน ทาง Starbucks ก็ได้สอดแทรก เรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การให้ลูกค้าใช้แก้วส่วนตัวเพื่อส่วนลด เป็นต้น โดยลดการใช้แก้วพลาสติกไปแล้วประมาณ 29 ล้านแก้ว ซึ่งพนักงานในร้านยังได้มีความหลงไหล (Passion) เกี่ยวกับกาแฟ ทาง Starbucks ก็ได้ให้พนักงานได้ไปเรียนรู้ถึงต้นน้ำของเมล็ดกาแฟที่เชียงใหม่ ในส่วนของพนักงานในออฟฟิศ (Office) เองก็ได้มีการจัดทำแคมเปญ ‘Partner for Sustainability’ ซึ่งมีกลุ่มพนักงานที่ต้องการทำดีเพื่อนสิ่งแวดล้อมนำแก้วส่วนตัวมาใช้ในออฟฟิศ (Office) และแยกขยะ เป็นต้น
ESG ไม่ใช่แค่หน้าที่ขององค์กรขนาดใหญ่!
กิตติพงษ์ ระบุว่า ทุกองค์กรหรือแม้แต่ทุกครอบครัวก็สามารถเป้นส่วนหนึ่งของการทำ ESG ได้ ในฐานะองค์กรที่อยู่มานานถึง 35 ปี มองว่า ESG จะเกิดขึ้นได้ต้องมี 3 ส่วนหลัก ดังนี้
- พนักงานต้องมีความสุขในการทำ ไม่ใช่เป็นการบังคับ หรือพูดถึงการเสียสละ อดทนต่าง ๆ
- ต้องมีการนำไอเดียต่าง ๆ ต้องเอาไปใช้จริง ๆ บ้าง ไม่เช่นนั้นผู้เสนอไอเดียจะขาดกำลังใจในการสร้างสรรค์ได้
- สิ่งที่จะทำขึ้นมาองค์กรต้องได้ประโยชน์ภายใต้ระบบเศรษฐกิจของโลกนี้ เนื่องจากองค์กรยังต้องดำเนินธุรกิจต่อไป
สายชล ระบุว่า องค์กรขนาดเล็กก็สามารถประยุกต์ได้ เนื่องจาก ESG นั้นได้อยู่ในทุกช่วงชีวิตของผู้คนโดยที่ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งก็ได้ยกตัวอย่างเรื่องที่ไกลตัวของเราเช่น เสาสัญญาณและสายอินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ที่เมื่อหมดอายุการใช้งานแล้ว จะถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการบำบัดต่อไป และยังได้ยกตัวอย่างของ ESG ที่ใกล้ตัวในระดับครัวเรือนเองก็สามารถทำได้เช่น AIS ได้มีโครงการให้คนไทยได้นำขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) มาทิ้ง คือโครงการ ‘คนไทยไร้ E-Waste’ อย่างมือถือเครื่องเก่า แบตเตอรี่ เป็นต้น ซึ่งวันนี้ได้พัฒนาจากระบบ Analog ที่เป็นการฝากทิ้งกับ AIS สู่การพัฒนาเป็นระบบ Digital ออกแบบ Application ชื่อ ‘E-Waste+’
– AIS จับมือพันธมิตรสร้าง Ecosystem สู่เส้นทางการเป็น Zero E-Waste to landfill ของไทย
จุฑาทิพย์ ระบุว่า จริง ๆ อยากเชิญชวนทุกท่านให้ร่วมกันทำดี เนื่องจากการทำดียิ่งเยอะยิ่งดี ช่วยกันต่อยอด อย่างการสร้างกิจวัตรเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างที่ยกตัวอย่างไปคือการใช้แก้วส่วนตัวหรือแก้วสำหรับนั่งทานในร้าน ลดปริมาณการใช้แก้วพลาสติก สิ่งนี้คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กน้อยแต่มันกลับไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว หรือเมื่อดื่มกาแฟที่ร้านเสร็จแล้วก็สามารถนำกากกาแฟกลับบ้านไปปลูกต้นไม้ต่อได้ เป็นการทำสิ่งดี ๆ เล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แนะ 5 ซอฟต์แวร์บริหารจัดการพลังงาน ที่จะเปิดตัวในงาน Future Energy Asia 2024
ลงทุนอย่างมั่นใจ ในสภาวะตลาดหุ้นผันผวน ด้วยหลักการลงทุน DCA และ Asset Allocation
วัตสัน โชว์ Greener Store แห่งแรกในไทย ใช้หลังคาโซลาร์ ตกแต่งจากไม้รีไซเคิล และใช้รถไฟฟ้าขนส่งสินค้า