โตชิบา ไทยแลนด์ ชี้ปัจจัยผันผวนภายนอกควบคุมไม่ได้ เร่งเครื่องเสริมแกร่งภายในองค์กร บุกหนักครึ่งปีหลัง หนุนเป้าเติบโตทั้งปี 20% เล็งเปิดตัวสินค้าใหม่ 27 รุ่น เน้นขยายไลน์อัพสินค้า เจาะตลาด Mid to High เพิ่ม พร้อมส่งแคมเปญคืนกำไรให้ลูกค้าอีกมากมาย หลังผลประกอบการฉลองครบรอบ 55 ปี ครึ่งปีแรกเติบโต 26% สูงเกินตลาด
อเล็กซ์ มา รองประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เล่าถึงแผนงานครึ่งหลัง ของปี 2567 ว่า โตชิบาตั้งเป้าเติบโต 14% ซึ่งจะทำให้ตัวเลขภาพรวมทั้งปี เติบโตประมาณ 20% หลังจากครึ่งปีแรกมีผลประกอบการเติบโตถึง 26% จากทุกกลุ่มสินค้า เป็นการฉลองครบรอบ 55 ปีได้อย่างเต็มภาคภูมิ
“ครึ่งปีหลังเป็นความท้าทายอย่างมาก บริษัทได้เตรียมทีมภายในให้ตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของภายนอก ที่ไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอก รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจได้ แต่ยังคงเชื่อมั่นในประเทศไทย บริษัทต้องเตรียมความพร้อมและแผนตั้งรับไว้เสมอ ต้องสร้างพื้นฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง เตรียมทีมและช่องทางจำหน่ายที่ดี ซึ่งเมื่อเตรียมความพร้อมไว้ ถ้าเศรษฐกิจดีจะยิ่งทำให้ผลประกอบการยิ่งดีขึ้น”
การก้าวสู่เป้าหมายการเติบโตในครึ่งปีหลัง บริษัทวางกลยุทธ์หลักทั้งการออกสินค้าใหม่อีก 27 รุ่น แบ่งเป็นกลุ่มตู้เย็น 8 รุ่น กลุ่มเครื่องซักผ้า 5 รุ่น กลุ่มเครื่องครัว 9 รุ่น และกลุ่มเครื่องใช้ในบ้านอีก 5 รุ่น เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ซึ่งจากต้นปีบริษัทมีสินค้า 162 รุ่นอยู่ในตลาด เมื่อถึงสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 206 รุ่น
สินค้าจะมีครบทุกขนาดตั้งแต่เล็กถึงใหญ่ ตอบสนองความต้องการของทุก “กระเป๋า” โดยเน้นสินค้ากลุ่มไฮเอนด์มากขึ้น ผลิตภัณฑ์จะก้าวทันเทคโนโลยีและความต้องการใหม่ ๆ ของผู้บริโภค ซึ่งสินค้าออกใหม่จะมี IoTs อยู่ด้วยประมาณ 50% แม้ไม่ใช่จุดขายหลัก แต่เป็นสิ่งเพิ่มคุณค่าให้ผู้บริโภคพิจารณา และมีแผนเปิดตัวสินค้าเรือธง ตู้เย็น Japandi Series ที่มุ่งสร้างปรากฎการณ์ใหม่ในตลาด
เอกดนัย ตันติภูมิอมร ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เสริมว่า แผนงานดังกล่าว สืบเนื่องมาจากภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าครึ่งปีแรก สินค้ากลุ่มตู้เย็น และเครื่องซักผ้า มีอัตราการเติบโต 4.7% และโตชิบา มีผลประกอบการครึ่งปีแรกของตู้เย็น และเครื่องซักผ้าเติบโตสูงถึง 26% จนทำให้สัดส่วนการตลาดของสินค้า 2 กลุ่มดังกล่าวโตขึ้น 2.9% ถือว่าเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ โดยเฉพาะตู้เย็นขนาดใหญ่ กลุ่มไซด์บายไซด์ และ 4 ประตู มัลติดอร์ เติบโตถึง 114% และเครื่องซักผ้าฝาหน้าโต 88%
พัฒนาช่องทางจำหน่ายโตไปด้วยกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่าย โดยมีแผนการเพิ่มพนักงานขายหน้าร้านมากขึ้นประมาณ 20% โดยเฉพาะในช่วง High Season และ Promotion เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างรวดเร็วทั่วถึงยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่ม Experience Zone ในสาขาหลักๆ มากขึ้น ทุกความเติบโตจะกระจายรายได้ ไม่เน้นเฉพาะโมเดิร์น เทรดเท่านั้น และเป็นการเติบโตไปพร้อม ๆ กันกับตัวแทนจำหน่าย
ส่วนการตลาดยังมีแคมเปญอย่างต่อเนื่อง โดยมี ‘หมาก ปริญ’ เป็นคีย์หลักในการเผยแพร่ ตลอดจนทำดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งต่อเนื่อง ทำโปรโมชันแคมเปญ โรดโชว์ และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้สัมผัสประสบการณ์ในการใช้งานสินค้าดียิ่งขึ้น
ธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เพิ่มเติมว่า บริษัทยังมีแผนจัดโรดโชว์เปิดตัวสินค้าใหม่ที่จะล็อนซ์ในครึ่งปีหลัง
“คุณหมาก ปริญจะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน วันที่ 24-25 สิงหาคม 2567 นี้ ที่สยามพารากอน และยังมีโรดโชว์ใหญ่ปลายปีอีกครั้งต้อนรับเทศกาลกิฟท์ “คิดถึงของขวัญ คิดถึงโตชิบา” ที่ทำต่อเนื่องมา 3 ปี”
ที่สำคัญคือ บริการหลังการขาย ซึ่งปรับโฉมศูนย์บริการโตชิบาทั่วประเทศ และยกระดับการให้บริการมากขึ้น เป็นการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ชัดขึ้น และมีโมบาย เซอร์วิสให้บริการถึงบ้านลูกค้า โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไฮ โปรดักส์
เจาะกลุ่ม Mid to Hig
ขณะเดียวกัน บริษัทเห็นว่า กลุ่มลูกค้าตลาดบนยังคงเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายมาจากกลุ่ม Mid to High ถึง 40% และปีหน้ายอดขายกลุ่มนี้จะเพิ่มเป็น 50% ซึ่งแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ จะเพิ่มไลน์อัปของสินค้าพรีเมี่ยมมากขึ้น หลังจากพบว่า กำลังซื้อกลุ่มกลางถึงล่างหายไป
กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ยังพูดถึงการแข่งขันกับสินค้าจีนว่า บริษัทยังสู้ได้ จากการเน้นตลาด Mid to High การบริการ และการพัฒนาพนักงานขายและตัวแทนจำหน่าย
“สินค้าราคาถูก พอถึงระดับหนึ่ง ลูกค้าจะเข้าใจถึงความเสี่ยงที่ต้องเจอ”
ภาพรวมตลาดโต 6%
ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (ไม่รวมทีวี) ประเทศไทยในปี 2567 ครึ่งปีแรก มีอัตราการเติบโตรวมประมาณ 6% เฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ (Major Appliance) ได้แก่ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า และเครื่องปรับอากาศ เติบโต 10% แต่หากไม่นับรวมเครื่องปรับอากาศจะเติบโต 5% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Appliance) ติดลบ 7%
ในส่วนของบริษัทสินค้าที่เติบโตสูงสุด ได้แก่ เครื่องซักผ้า เติบโตถึง 47% เนื่องจากมีสินค้ารุ่นใหม่ๆ ออกตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาหน้า ประกอบกับสินค้าหลายรุ่นย้ายฐานการผลิตมาในประเทศไทย ทำให้มีความได้เปรียบเรื่องราคา รวมถึงการบริหารซัพพลายเชน
“การผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้า โตชิบามาแผนทยอยย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้นโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ระดับกลางถึงบน ซึ่งทำได้มากกว่า 50% แล้ว จากช่วงก่อนโควิดมองว่าการผลิตในประเทศจีนเป็นไปด้วยดี แต่ช่วงโควิดพบปัจจัยที่เปลี่ยนไป มี 2 ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ คือ ค่าระวางสินค้า (Freight) ที่สูงขึ้น 3 เท่า และอัตราการแลกเปลี่ยนที่ผันผวน”
สินค้าที่เติบโตรองลงมา ได้แก่ กลุ่มไมโครเวฟ เติบโต 19% กลุ่มตู้เย็น 15% กลุ่มหม้อหุงข้าวและสินค้าชิ้นเล็ก 6% และกลุ่มผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น 1% จากตลาดภาพรวมติดลบ เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัด และกลุ่มสุดท้าย เครื่องปรับอากาศ เติบโตถึง 103% แต่สัดส่วนการขายยังไม่มาก
ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องมาตลอดหลายปี ทำให้ปัจจุบันโตชิบามีมาร์เก็ตแชร์ติดอันดับท็อป 3 ในเกือบทุกกลุ่มสินค้า โดยไมโครเวฟมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 1 ที่ 28.5% ตู้เย็น อันดับ 2 ที่ 16% หม้อหุงข้าว อันดับ 2 ที่ 9.2% และเครื่องซักผ้า อันดับ 3 ที่ 10.8%
เมื่อดูสถิติย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2562-2566 จะเห็นว่าบริษัทมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (CAGR) เฉลี่ย 12% ซึ่งจากตัวเลขทั้งหมด