ผลวิจัยชี้ Work-Life Balance ยังเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตของคนทำงาน

สลิงชอท กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาผู้นำและองค์กร เปิดผลสำรวจค่านิยมการทำงานของเจนเนอเรชันใหม่ และปัญหาด้านความเท่าเทียมของผู้นำชายและหญิง ชี้คนเจนใหม่ 48% ชอบการฟีดแบคเชิงสร้างสรรค์เป็นรายสัปดาห์ และ 73% ใช้วันลาหยุดเพื่อฟื้นฟูจิตใจ ทั้งนี้ 85% ของทั้งเจนใหม่และเจนมากประสบการณ์ ต้องการชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น ในขณะที่ 43% ของผู้ชายเชื่อว่า ผู้หญิงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าการทำงาน และทั้งผู้ชายและผู้หญิง มองว่า ความคาดหวังเรื่องการรับผิดชอบในครอบครัว อาจขัดขวางความก้าวหน้าในอาชีพของผู้หญิง พร้อมเผย 5 แนวทาง‘REAL Way of Work’ หรือ ‘REAL WoW’ หนุนผู้นำรุ่นใหม่สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์และให้คุณค่าต่อความหลากหลาย ได้แก่ เคารพความเป็นเอกลักษณ์-สร้างสภาพแวดล้อมดีต่อใจพนักงาน-สนับสนุนการเติบโตตามต้องการ-นำทีมให้เป็นหนึ่งเดียว

อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “สลิงชอท กรุ๊ป จัดตั้งหน่วยงานวิจัยเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าด้วยข้อมูลที่แม่นยำและตอบโจทย์บริบทสังคมไทย ในปี 2567 ได้สำรวจค่านิยมและแนวคิดการทำงานที่แตกต่างกันระหว่างเจนเนอเรชันใหม่และเจนเนอร์เรชันมากประสบการณ์ (Next Gens Think and Work Differently) ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากผู้นำองค์กรและผู้นำฝ่าย HR กว่า 242 คนในไทย เพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้นำรุ่นใหม่สามารถทำงานร่วมกับทีมงานที่มีหลากหลายเจนเนอร์เรชั่นด้วยความร่วมแรงร่วมใจ ซึ่งพบประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้

  • 48% ของเจนใหม่ชอบการฟีดแบคเชิงสร้างสรรค์เป็นประจำรายสัปดาห์ ในทางกลับกันเจนมากประสบการณ์มักปฏิบัติเป็นรายเดือน หรือรอจนจบโปรเจกต์ก่อน
  • เจนใหม่ให้ความสำคัญกับ ‘ทำไมจึงต้องทำ (why)’ แต่เจนมากประสบการณ์ให้ความสำคัญกับวิธีการว่าทำ ‘อย่างไร (How)’
  • ‘จุดหมายปลายทาง’ คือนิยามความสำเร็จทางอาชีพของเจนใหม่ ซึ่งหมายถึง การได้รับชัยชนะเล็ก ๆ ในแต่ละวัน ในขณะที่เจนมากประสบการณ์มองความสำเร็จว่าเป็น ‘การเดินทาง’ โดยให้ความสำคัญกับการทุ่มเทในการทำงาน
  • 85% ของทั้งสองเจนมองว่า Work-Life Balance เป็นกุญแจสำคัญไปสู่การเติบโต และต้องการชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น
  • 73% ของคนเจนใหม่ใช้วันลาหยุดเพื่อฟื้นฟูจิตใจ และยังต้องการให้มีการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตในที่ทำงานอย่างเป็นปกติ
  • คนทั้ง 2 เจนมองว่า ผู้นำที่โปร่งใสควรแบ่งปันประสบการณ์ความล้มเหลว พูดและกระทำสอดคล้องกัน และให้ข้อมูลอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเป็นประจำ

นอกจากนี้ สลิงชอท กรุ๊ป ยังได้ร่วมกับ CCL สำรวจประเด็นปัญหาด้านความเท่าเทียมของผู้นำชายและหญิงผ่านผลสำรวจ Elevate the System 2024 จากผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 894 คนใน 5 ประเทศรวมถึงประเทศไทย โดยพบว่า ในประเทศไทย 43% ของผู้ชายเชื่อว่าผู้หญิงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าการทำงาน โดยทั้งผู้ชาย (44%) และผู้หญิง (51%) มองว่า ความคาดหวังเรื่องการรับผิดชอบในครอบครัว อาจขัดขวางความก้าวหน้าในอาชีพของผู้หญิง อีกทั้งผู้หญิงมักได้รับโอกาสและข้อเสนอมากกว่าผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะไม่แสวงหาและรับโอกาสในการพัฒนาเท่าผู้ชาย

 5 แนวทาง‘REAL Way of Work’ หรือ ‘REAL WoW’ หนุนผู้นำรุ่นใหม่

ซึ่งจากผลสำรวจทั้ง 2 ประเด็น นำมาสู่การสร้างสรรค์แนวทาง ‘REAL Way of Work’ หรือ ‘REAL WoW’ ที่ชวนผู้นำรุ่นใหม่เปิดใจ ยอมรับ เข้าใจ และโอบรับความหลากหลายทางเจนเนอร์เรชั่นและเพศ เพื่อให้สามารถประสบผลสำเร็จในการทำงานร่วมกัน โดยประกอบด้วย R: Respect Individuality – เคารพความเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมารวมและมองลึกถึงตัวตนและจุดแข็งของแต่ละคน E: Evolve Conversation – สร้างสภาพแวดล้อมดีต่อใจพนักงาน (Psychological Safety) ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ โดยไม่กลัวว่าจะถูกตัดสิน A: Activate Growth Strategies – สนับสนุนการเติบโตตามต้องการ โดยเตรียมพร้อมระบบองค์กรที่รองรับเส้นทางการเติบโตที่แตกต่างกันไปของพนักงาน และ L: Lead Inclusively – นำพาทีมให้เป็นหนึ่งเดียว โดยจะต้องรับฟัง เข้าอกเข้าใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อใจให้พนักงาน

“การขับเคลื่อนองค์กรในปัจจุบันจะต้องมี 3 องค์ประกอบสำคัญด้วยกัน ได้แก่ กลยุทธ์ (Strategy) การเป็นผู้นำ (Leader & People) และวัฒนธรรมองค์กร (Culture) เมื่อกลยุทธ์พร้อม ผู้นำเข้าใจและบริหารทีมงานบนความหลากหลาย จนสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรอันเป็นหนึ่งเดียวให้เกิดขึ้นได้ จะนำไปสู่การสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน” อภิวุฒิทิ้งท้าย

ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

“Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” บอร์ดเกมการเงิน เปิดพื้นที่เรียนรู้และเติบโตผ่านความผิดพลาดของเด็ก ๆ

3 ทักษะคนทำงานยุคใหม่ ที่ AI ยังทำไม่ถึง

×

Share