, , ,

ราคาทองคำจะถึงบาทละ 60,000 ?

บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ราคาทองคำเปลี่ยนแปลงระหว่างวันถึง 25 ครั้ง ราคาทองคำปรับขึ้น 1,350 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำน้ำหนักหนึ่งบาท (เท่ากับ 15.24 กรัม) ทะลุผ่านบาทละ 55,000 บาท โดยราคาทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 55,350 บาท ส่วนราคาทองคำต่างประเทศอยู่ที่ 3,430 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ (1 ออนซ์ประมาณ 31 กรัม)

เกือบ 5 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงอัศจรรย์ของราคาทองคำที่ปรับทะลุเพดานราคามาอย่างต่อเนื่อง นับจากช่วงวิกฤติการณ์โควิด-19 ผสมกับเหตุระเบิดใหญ่ในท่าเรือของเบรุต ดันให้ราคาทองคำเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2563 ทะลุบาทละ 30,000 เป็นครั้งแรก หลังวนเวียนอยู่ในโซนราคา 20,000 มากว่า 9 ปี โดยทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 30,200 บาท ต่อน้ำหนักหนึ่งบาท ขณะที่ราคาต่างประเทศทะลุ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์

ถัดมาราคาทองคำยังได้ประโยชน์จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองโลก เมื่อรัสเซียบุกยูเครน (24 ก.พ. 2565) ก่อนความเสี่ยงจากไฟสงครามที่เคียฟขยายวงเมื่อชาติตะวันตกหนุนหลังยูเครนและเปิดฉากคว่ำบาตรรัสเซียทุกมิติ โดยวันที่ 3 เมษายน 2567 ราคาทองคำพุ่งทะลุบาทละสี่หมื่น ทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 41,000 บาท

ช่วงเวลานั้นแม้มีการคาดการณ์จากคนในวงการค้าทองบางคนว่าราคาทองคำมีโอกาสทะลุบาทละ 50,000 แต่มีเสียงตอบรับไม่มากเพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะราคา ณ เวลานั้นปรับขึ้นมาสูงเกินคาดหมายมามากแล้ว อีกทั้งที่ผ่าน ๆ มาราคาทองคำมักปรับขึ้นแบบก้าวเล็ก ๆ และคงใช้เวลาอีกนานกว่ารอบราคาทองคำขึ้นแรงๆ จะวนกลับมาอีกครั้ง

แต่หลังจากโลกถูกเติมด้วยความไม่แน่นอนชุดใหญ่ เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศสงครามการค้ากับทุกประเทศทั่วโลก พร้อมลีลาบริหารแบบคาดเดาไม่ได้ ปรับเปลี่ยนเวลาและอัตราภาษีที่จะบังคับตามรายสะดวก ความไม่แน่นอนที่แผ่ขยายไปทั่วโลก หนุนให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้น ราคาทองคำเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา ทะลุขึ้นไปถึงบาทละ 50,000 บาทเร็วกว่าที่คาด โดยราคาทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 50,200 บาท ก่อนราคาทองคำจะทำสถิติใหม่ในช่วงเวลาต่างกันไม่ถึงเดือน

วันที่ 22 เมษายน ที่เพิ่งผ่านมาหมาด ๆ ราคาทองคำทะลุ 55,000 บาท ทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 55,350 บาท สูงสุดในประวัติศาสตร์การค้าทองคำเมืองไทย ส่วนราคาต่างประเทศอยู่ที่ 3,430 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ข่าวรายงานปัจจัยที่หนุนราคาทองคำว่า ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการทองคำซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยชั้นดีในตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยทรัมป์มีส่วนร่วมที่นำสถานการณ์ทองคำไปสู่จุดนั้น โดยบรรดานักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่ผู้นำสหรัฐฯ โพสต์มันมือในสื่อโซเชียลของตัวเอง Truth social ประมาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอเว้นแต่พาเวลล์ (เจอโรม พาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงทันที โดยก่อนหน้านั้นทรัมป์ได้ออกมาทำฟึด ๆ ฟัด ๆ ขู่จะปลดเจอโรม พาเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มาแล้วครั้งหนึ่ง

ท่าทีดังกล่าวถูกมองว่า การเมืองกำลังแทรกแซงเฟด ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนลงเนื่องจากตลาดหันไปหาทองคำ สินทรัพย์ที่ดูปลอดภัยมากกว่า สภาวะดังกล่าวส่งผลต่อราคาทองคำที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สุด ณ ห้วงเวลานี้

นอกจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์โลกแล้ว ราคาทองคำช่วงที่ผ่านมายังถูกผลักดันจากความต้องการของเหล่าธนาคารทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางจีนและรัสเซียที่ตุนทองคำเข้าคลังสำรองต่อเนื่องมาหลายปี จนธนาคารกลางจีนขึ้นอันดับหนึ่ง (ธนาคารแห่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในสิบธนาคารกลางของโลกที่ตุนทองคำ)

การตุนทองคำของธนาคารกลางของจีนและรัสเซีย ถูกเชื่อมโยงเข้ากับกระแสการอุบัติของขั้วอำนาจใหม่ของโลก ที่จีนกับรัสเซียเป็นแกนหลัก เช่น กรณีบริกส์ (กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว) และมีความพยายามผลักดันระบบการชำระเงินใหม่ขึ้นมาประกบระบบชำระเงินของโลกตะวันตก หรือ สวิฟท์ (สมาคมเพื่อการโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก) ที่แบงก์ชาติเปรียบระบบชำระเงินดังกล่าวว่า เสมือนกระดูกสันหลังของระบบโอนเงินระหว่างประเทศ และส่งเสริมการค้าด้วยการใช้สกุลเงินของแต่ละประเทศสมาชิกโดยไม่ต้องพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐฯ หรือสกุลยุโรปเป็นส่วนใหญ่เช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

กระแสขั้วอำนาจใหม่ถูกจับตามากขึ้นเมื่อทรัมป์ประกาศอุดมการณ์แบบทรัมป์ ๆ ว่า อเมริกาต้องมาก่อน พร้อมใช้ระบบภาษีตอบโต้เป็นเครื่องมือกับประเทศคู่ค้าทั่วโลก และยังไม่สามารถคาดเดาว่าผลจะจบอย่างไร ล่าสุด หลังจีนประกาศสู้ไม่ถอยในสงครามการค้าแล้ว ปักกิ่งยังประกาศเตือนให้บรรดาคู่ค้าของจีนได้ทราบโดยทั่วกันว่าไม่ให้การทำข้อตกลงการค้าใด ๆ กับสหรัฐฯ ที่จะสร้างความเสียหายและผลประโยชน์ของจีน มิฉะนั้นแล้วจีนจะดำเนินการตอบโต้

ความไม่แน่นอนที่เป็นผลพวงของภาวะปั่นป่วนจากปัญหาการเมืองและระบบเศรษฐกิจของโลก ยิ่งกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ สินทรัพย์ที่มีค่าโดยตัวเอง ไม่จำเป็นต้อง สินทรัพย์อื่นหนุนหลังเหมือนธนบัตรซึ่งหากวันใดตลาดไม่เชื่อถือจะกลายเป็นแบงก์กงเต็กทันที

สรุปแล้ว ความไม่แน่นอนจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ คือ ปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ทองคำเป็นที่ต้องการของประเทศต่าง ๆ เพื่อเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของ ตลอดจนนักลงทุนที่แห่เข้ามาเก็งกำไรทอง จนดันให้ราคาทองตีฝ่าความเชื่อทางราคามาตั้งแต่บาทละ 30,000 เมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้วมาถึงบาทละ 55,000 ในวันนี้ และเชื่อกันว่าบาทละ 60,000 อาจจะมาให้เห็นในเร็ววันนี้

บทความอื่น ๆ ของผู้เขียน

เมื่อการค้าโลก ตีลังกาเอาหัวลง

จับตารัฐบาลโต้คลื่นภาษีทรัมป์

×

Share