งาน Block Mountain 2025 เปิดเวทีเสวนาภายใต้ หัวข้อ “Thailand & Global Blockchain & Digital Asset Landscape” ที่รวบรวมผู้นำความคิดและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลของไทย ได้แก่ นเรศ เหล่าพรรณราย นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย Founder Ricco Wealth, สถาพน พัฒนะคูหา กรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และผู้ก่อตั้ง Guardian AI Lab, พิริยะ สัมพันธารักษ์ กรรมการบริหาร บริษัท โฉลกดอทคอม จํากัด Founder Right Shift, สัญชัย ปอปลี ประธานกรรมการบริหารบริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด, ศุภกฤษฎ์ บุญสาตร์ กรรมการสมาคม สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย และผู้ก่อตั้ง Bitcast การเสวนาครั้งนี้จะเป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนไอเดียและมุมมองจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมเจาะลึกเทรนด์ใหม่ในโลกบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังได้รับความสนใจ
ภาพรวมเทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ตลาดโลกปัจจุบัน “การเติบโตและการยอมรับ”

สัญชัย ปอปลี ประธานกรรมการบริหารบริษัท คริปโตมายด์ กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ให้ความเห็นว่า “ภาพรวมระดับโลกหลังจาก Donald Trump ดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการและสามารถดำเนินมาตรการต่าง ๆ ที่เคยวางเสียงไว้เช่น การจะลดต้นทุนบิตคอยน์ให้เป็น Strategic reserve ของสหรัฐฯ ขณะจัดตั้งสหรัฐฯ ให้เป็นศูนย์กลางของคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งเชื่อว่าจะเห็นการยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมาก การเงินขนาดใหญ่เริ่มให้ความสนใจและลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นเช่น การที่บริษัทจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่ อย่าง BlackRock ให้ความสำคัญกับการ Tokenization”
ปัจจุบันแต่ละประเทศกำลังมีแนวโน้มไปในทิศทางไหนบ้าง?
ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศเริ่มพูดถึงบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซี ในมุมที่จริงจังมากขึ้น และเริ่มมีการเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) ของบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีที่เติบโตอย่างรวดเร็วเช่น ปีนี้ถือเป็นปีที่เทรนด์การเสนอขายหุ้น (IPO) ของบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีกำลังมาแรงมาก บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง OpenSea และอีกหลายบริษัทกำลังสนใจการเสนอขายหุ้น (IPO) และเทรนด์ Asset Tokenization ถือเป็นตัวกลางที่น่าจับตามองในการเชื่อมต่อระหว่างสินทรัพย์ในโลกจริง ให้กลายเป็น โทเค็นดิจิทัล บนเทคโนโลยีบล็อกเชน เช่น อสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะ เป็นต้น เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ความปลอดภัย และลดต้นทุนการทำธุรกรรม
‘ดูไบ สิงคโปร์ สหรัฐฯ’ ศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลโลก
หากพูดถึงประเทศที่เป็นศูนย์กลางจริง ๆ ตอนนี้จะเป็นสหรัฐฯ ซึ่งช่วงแรกดูเหมือนจะเสียเปรียบ แต่ Donald Trump เข้ามา คาดว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในตลาด อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงประเทศที่กำลังมาแรงในด้านนี้ ดูไบถือเป็นหนึ่งในประเทศนั้น มีการเปิดให้ทำธุรกรรมและออกใบอนุญาตจำนวนมาก ส่งผลให้ดูไบกลายเป็นจุดหมายปลายทางของคนในวงการคริปโตอย่างชัดเจน ทั้งนี้ สิงคโปร์และนิวยอร์กก็ยังคงเป็นศูนย์กลางสำคัญในระดับโลกเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงในโลกการเงินและธุรกรรมดิจิทัล ผ่าน DeFi, Tokenization และ Blockchain
- DeFi (Decentralized Finance) ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม เช่น ธนาคารกลาง ยกตัวอย่างบริษัท Circle สามารถทำรายได้มหาศาล (หลายหมื่นล้านดอลลาร์ต่อปี) ด้วยพนักงานจำนวนไม่มากและกระบวนการที่ดูเรียบง่า เช่น การตั้งเซิร์ฟเวอร์สำหรับบริการ ความจริงแล้วเบื้องหลังกระบวนการที่ดูเหมือนง่ายเหล่านั้น ต้องใช้การบริหารจัดการที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากในการวางระบบที่มั่นคงเพื่อรองรับผู้ใช้งานจำนวนมหาศาล
- Tokenization กระบวนการสร้างตัวแทนของทรัพย์สินต่าง ๆ ให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล (digital representation) โดยสร้างโทเคนเพื่อเป็นตัวแทนของสิทธิหรือทรัพย์สินต่าง ๆ เช่น โฉนดที่ดิน อัญมณี งานศิลปะ ปัจจุบันเริ่มเห็นระบบการสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับการเงินที่มากขึ้น
มุมมองภาพรวมเทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) เทรนด์ในไทย
“ปัจจุบันเทรนด์ในไทยเรื่องแรกที่เห็นได้ชัดคือ Sandbox ที่ภูเก็ต ที่เกี่ยวข้องกับการทำระบบการชำระเงินต่าง ๆ ซึ่งต่างมีความเห็นว่าส่วนของกฎหมายพื้นฐานต้องเร่งการดำเนินการในบางกฎเกณฑ์ให้เร็วขึ้น เพราะปัจจุบันยังมีบางจุดที่อาจยังติดขัดในแง่ของข้อกำหนด อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงความเร็วในการแข่งขัน เช่น ประเทศที่เดินหน้าแบบ Speed อาจจะยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ในบางมุม” สัญชัย กล่าว

ด้าน นเรศ เหล่าพรรณราย นายกสมาคมสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย Founder Ricco Wealth แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ เทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัล, บิตคอยน์ และการเปลี่ยนแปลง Landscape ปัจจุบันว่า “Landscape ปัจจุบันของสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน หนึ่งในปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ การเข้ามาของ สถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ที่เริ่มมีบทบาทในวงการมากขึ้น ปีที่ผ่านมา เริ่มเห็นบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ที่เริ่มออก กองทุนรวมอ้างอิงกับ Bitcoin ETF ในต่างประเทศ โดยช่วงแรกมุ่งเน้นไปที่กลุ่ม High Net Worth แต่เร็วๆ นี้เริ่มเปิดโอกาสให้ รายย่อย ได้เข้ามาลงทุนได้มากขึ้น ในส่วนของ ICO Portal เริ่มมีการลงนาม MOU กับที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor) ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งสะท้อนถึงการเชื่อมโยงระหว่างโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลและสถาบันการเงินเก่า”
เทรนด์ที่น่าจับตามอง โลกดั้งเดิมจะเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งนี่ถือเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เดิมโลกของการเงินดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัลดูเหมือนจะเป็น โลกคู่ขนาน ที่ไม่สามารถรวมกันได้ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น ในอดีต Goldman Sachs ยืนยันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ปัจจุบันเสียงเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ มีความสนใจและการเข้ามา Exposure มากขึ้น ซึ่งทำให้ Landscape ของสินทรัพย์ดิจิทัลขยายตัวออกไป ทั้งเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาและผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาในวงการ โดยเฉพาะส่วนที่อยากให้เติบโตมากที่สุดตอนนี้ คือการเป็น Publisher หรือ ผู้ออกโทเคนดิจิทัล
“Landscape ในวงการสินทรัพย์ดิจิทัลไทยจะไม่ได้มีแต่หน้าเดิม ๆ ที่คุ้นเคยกันมานาน แต่จะได้เห็นผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ” นเรศ ทิ้งท้าย
เมื่อเทรนด์ระดับโลกสะท้อนกลับสู่ไทย สินทรัพย์ดิจิทัล ประเทศไทยอย่างไรบ้าง?
พิริยะ สัมพันธารักษ์ กรรมการบริหาร บริษัท โฉลกดอทคอม จํากัด Founder Right Shift ให้ความเห็นว่า “ผมว่าปีนี้เป็นปีที่สำคัญสำหรับบิทคอยน์จริงๆ ครับ เริ่มมี ระดับของการรับรู้และการยอมรับ ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในทุก ๆ รอบ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคนที่เข้ามาศึกษา สนใจ หรือระดับความเข้าใจที่พัฒนายกระดับเพิ่มมากขึ้น”
เดิมบิทคอยน์ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์เพื่อเก็งกำไร หรือเป็นเครื่องมือการลงทุน ปัจจุบันก้าวขึ้นมามีบทบาทในเวทีโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าอย่างน้อยที่สุดกลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง วิธีแสดงอำนาจทางทหาร และสินทรัพย์ทางการเงินระดับโลก
การที่สหรัฐฯ ยกระดับตัวเองขึ้นมาให้ความสำคัญกับคริปโทเคอร์เรนซีเช่น การพัฒนา Strategic Reserve หรือการพัฒนา Bitcoin Mining ทำให้ทุกประเทศต้องกลับมาทบทวนจุดยืนของตนเอง จากเดิมที่บางประเทศอาจต่อต้านหรือพยายามควบคุมเทคโนโลยีนี้ ปัจจุบันเริ่มตระหนักว่ามันเป็นเทคโนโลยีที่ควบคุมไม่ได้ หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มเปลี่ยนมุมมอง และหาวิธีที่จะปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีนี้ เพื่อรักษาโอกาสทางเศรษฐกิจของประชากรในประเทศ
นอกจากนี้ เรื่องของการแข่งขันระหว่างประเทศต่างสำคัญ เมื่อสหรัฐฯ เริ่มเดินหน้าในเรื่อง Strategic Action และ Research อย่างจริงจัง ประเทศอื่น ๆ ต่างต้องตั้งคำถามว่า จะปล่อยให้เป็นแบบนี้หรือไม่ จะปล่อยให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในด้านสินทรัพย์ดิจิทัลเพียงผู้เดียวหรือเปล่า
“สงครามในยุคใหม่เริ่มเปลี่ยนจากการสะสมอาวุธทางการทหาร มาเป็นการแข่งขันในเรื่องของ Digital Currency และการสั่งสมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีใครสามารถผลิตเพิ่มได้ นี่อาจจะเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคต ซึ่งในที่สุดบิทคอยน์อาจกลายเป็น Global Digital Money อย่างแท้จริง แม้ว่าเรายังไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะต้องผ่านอีกกี่รอบ Cycle ถึงจะถึงจุดนั้น” พิริยะ ทิ้งท้าย
สรุปได้ว่า กรณีของบิทคอยน์ ไม่ได้มีเพียงเรื่องราคาที่เป็นจุดสำคัญเพียงอย่างเดียว สิ่งที่น่าสนใจคือ ทุกครั้งที่เกิด Cycle ของบิทคอยน์ ระดับความรู้และความเข้าใจของคนในวงการ ทั้งกลุ่มคนเก่าและหน้าใหม่ก็เพิ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยผลักดันให้วงการนี้เติบโตไปข้างหน้า อีกประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องของ สงครามในรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่แค่อาวุธหรือสงครามทางการเงินแบบดั้งเดิม แต่เป็นสงครามที่เกี่ยวข้องกับ จุดยืนและการจัดการในเรื่อง Digital Assets ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในอนาคต ถือเป็นเทรนด์ที่น่าจับตามอง
พิริยะยังเสริมประเด็นการพัฒนาและวิวัฒนาการของบิตคอยน์ โดยเฉพาะเรื่อง Lightning Network ที่น่าสนใจ “จริง ๆ แล้ว ในรอบนี้บิตคอยน์มีสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็น “ของเล่นใหม่” เยอะมากเลยครับ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่จริง ๆ เพราะมันมีมาตั้งแต่ปี 2018 แต่ตอนนี้เราเริ่มเห็น Product ที่ใช้งานบิตคอยน์ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับราคาของบิตคอยน์ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผลักดันให้ผู้คนต้องหาวิธีใหม่ ๆ ในการใช้งานบิตคอยน์ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือ Lightning Network ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถใช้บิตคอยน์ในการชำระเงินได้ทันที โดยไม่ต้องรอการยืนยัน (Confirmation) และมีค่าธรรมเนียมที่ถูกมาก หลายคนอาจไม่ทราบด้วยซ้ำว่าบิตคอยน์สามารถทำแบบนี้ได้ หลายคนยังคงคิดว่าการทำธุรกรรมด้วยบิตคอยน์ต้องรอนาน แต่จริง ๆ แล้วด้วยเทคโนโลยีนี้ เราสามารถส่งธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและแทบไม่จำกัด”
ภาพรวมของการพัฒนาบนบล็อกเชนหรือบิตคอยน์ปัจจุบัน
สถาพน พัฒนะคูหา กรรมการสมาคมสินทรัพย์ดิจิตัลไทย และผู้ก่อตั้ง Guardian AI Lab ให้ความเห็นว่า “จริง ๆ มีเยอะ ในฝั่งองค์กรหรือบริษัทต่าง ๆ นั้น มีความสนใจใน สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset), Blockchain และ Cryptocurrency มาโดยตลอด แต่ลักษณะของการเข้ามานั้นจะมีวิธีที่แตกต่างออกไป เช่น บางองค์กรอาจพัฒนาเทคโนโลยีใหม่เอง บางองค์กรอาจใช้โซลูชันสำเร็จรูปที่มีอยู่ในตลาด เช่น Token Contracts หรือเครื่องมือสำเร็จรูป (Tools)”
บริษัทใหญ่เริ่มสนใจและทดลองใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนมากขึ้น แต่พวกเขาไม่ได้สร้างทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้นอีกต่อไป เช่น เขียนโค้ดใหม่ทั้งหมด การใช้เครื่องมือสำเร็จรูปช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยาก
ทั้งนี้ มีเทรนด์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นและน่าสนใจมาก นั่นคือการนำ AI เข้ามาใช้งาน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความ ต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น เช่น
- ใช้ AI Agents เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- ใช้ AI ในการบริหาร Visibility หรือจัดการระบบต่างๆ
- ใช้ AI ช่วยในงานพัฒนาของ Developer เช่น การเขียนหรือ Debug Smart Contract เพื่อให้ทำงานดีขึ้น
ดังนั้น เทรนด์ในฝั่ง Programming ตอนนี้จึงเป็นการผสมผสานระหว่างการนำของเก่ามาใช้ และการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI เข้ามา เพื่อทำให้การพัฒนาเป็นเรื่องง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่อย่าง Blockchain และ Cryptocurrency กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก โดยมีคำถามสำคัญเกี่ยวกับการนำมาปรับใช้ใน Sandbox ที่ภูเก็ต โดยมีแนวคิดหลักสองแนวทาง แนวทางแรกคือการใช้ Bitcoin หรือ Ethereum เป็น Blockchain โดยตรง เพื่อสนับสนุนธุรกรรมทางการเงิน ส่วนแนวทางที่สองคือการอนุญาตให้ต่างชาตินำ Cryptocurrency มาแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ท้องถิ่น เช่น ธนบัตร, Silver Coin, หรือ USDT เพื่อใช้งานในประเทศ ซึ่งทั้งสองแนวทางสามารถเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินรูปแบบใหม่
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการออกแบบระบบที่เข้าถึงง่ายและสนับสนุน Ecosystem ของนักพัฒนาในประเทศ หากระบบถูกจำกัดให้ใช้งานผ่าน Payment Gateway ของรัฐเพียงเจ้าเดียว อาจเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้ แต่ไม่ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ ในทางกลับกัน หากระบบถูกออกแบบให้เปิดกว้าง และให้อิสระแก่นักพัฒนาในการสร้างนวัตกรรมโดยไม่ถูกจำกัดมากเกินไป ระบบนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตของวงการพัฒนา และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศได้อย่างยั่งยืน
ข่าวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เกาะติดโอกาสเติบโตในตลาดหุ้น “ญี่ปุ่น” และ “อินเดีย”
เมืองไทยประกันชีวิต เดินหน้ายกระดับความสุขให้ทุกคนด้วยสีบานเย็นทั่วไทย
ม.เชียงใหม่ ร่วมมือกับ AWS เปิดตัว ‘Matthew” Gen AI เพื่อการศึกษา